ได้แก่ 1.สวนสาธารณะที่ผู้คนยังไม่เข้าใจในการที่จะต้องดูแลตัวเองและครอบครัว โดยขอให้เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ในเคหสถาน 2.คลินิกทันตกรรมที่มีโอกาสที่มีความเสี่ยง แต่ไม่รวมถึงคลินิกทันตกรรมที่อยู่ในโรงพยาบาล ในส่วนนี้จะมีการพิจารณาเพิ่ม
นายภัคพงศ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกันในประเด็น ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีนักท่องเที่ยวออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่บริเวณชายหาดสาธารณะ หาดป่าตอง ขณะเกิดเหตุทางนายอำเภอกะทู้ และผกก.สภ.ป่าตอง ได้ไปทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวเหล่านั้นแล้ว ว่ามีโอกาสที่จะมีความเสี่ยงในการที่จะแพร่เชื้อไวรัสหรือรับเชื้อ และนักท่องเที่ยวเข้าใจ ซึ่งในช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ทุกคนกลับไปอยู่ตามโรงแรมที่พักแล้ว
“เข้าใจว่านักท่องเที่ยวเขาต้องการที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากว่าบริเวณของโรงแรม ที่เขาพักอยู่ได้มีการประกาศห้ามในการที่จะใช้ในส่วนของสระว่ายน้ำรวมของโรงแรม สระว่ายน้ำในส่วนของที่พักส่วนตัว พูลวิลล่า เนื่องจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว บริเวณสระว่ายน้ำ การที่ใช้คลอรีนต้องได้มาตรฐานถึงจะสามารถที่จะกำจัดเชื้อCOVID -19 ได้” พ่อเมืองภูเก็ต กล่าว
“แต่ถ้าทำไม่ได้มาตรฐาน ทางแพทย์ให้ข้อมูลว่าผู้ที่มีความเสี่ยง ผู้ที่อาจจะมีเชื้อไวรัสฯ ลงไปใช้บริการสระว่ายน้ำแล้วขณะที่ทางผู้ประกอบการยังไม่ได้มาทำความสะอาด หรือรักษามาตรฐานของคลอรีนในน้ำ ผู้ที่ใช้บริการท่านต่อไปก็อาจจะมีความเสี่ยงในการที่จะรับเชื้อต่าง ๆ ได้ เพราะฉะนั้นได้พิจารณาอย่างครบถ้วนรอบด้านแล้ว ทำให้อาจจะได้รับผลกระทบกับเจ้าของสถานประกอบการในเรื่องของโรงแรมตลอดจนถึงนักท่องเที่ยว ทางจังหวัดต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วย เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การควบคุมโรคของจังหวัดภูเก็ต มีมาตรฐานมีขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการต่อไป ในเรื่องของสระว่ายน้ำจะเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะมีกิจกรรม จึงออกนอกสถานที่พักแล้วไปอยู่บริเวณชายหาด”
เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้นทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต มีมติให้ออกเป็นประกาศ มาตรการระเบียบปฏิบัติ ซึ่ง ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ในการปิดสถานบริการมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษ
การที่นักท่องเที่ยวจะออกนอกที่พัก ทางจังหวัดจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้น โดยทางจังหวัดจะให้ทางอำเภอผ่านเสียงตามสาย ชี้แจงไปยังผู้ประกอบการโรงแรม และเครือข่ายจังหวัดผ่านทางกงสุลกิตติมศักดิ์หลายประเทศในภูเก็ต ให้ช่วยกันกระจายข่าว ขอความร่วมมือให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตอยู่ในที่พัก
"ทางจังหวัดจะออกมาตรการขอความร่วมมือ จะไม่มีสภาพบังคับตามกฎหมายเพราะว่ายังไม่มีอำนาจในการห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน การที่จะใช้อำนาจตามกฎหมาย ต้องใช้ตามพระราชกำหนด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงจะห้ามผู้คนออกจากเคหสถานได้” นายภัคพงศ์ กล่าว
"ในช่วงนี้มาตรการต่าง ๆ จึงเป็นการขอความร่วมมือจากทุกคน ถ้าไม่มีความจำเป็นขอให้อยู่ที่บ้าน แต่ถ้ามีความจำเป็นไปหาหมอ ไปซื้ออาหารขอให้รีบกลับบ้าน ต้องเข้าใจเจตนาที่ภาครัฐออกมาตรการมาเพื่อมิให้มีการแพร่ระบาด และในการที่จะอยู่ใกล้ชิดกัน ขอให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร หรือ 3 ฟุต ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เบื้องต้นยังไม่ได้รับนโยบายจากรัฐบาลแต่อย่างใด”