ภูเก็ตเตรียมรับเรือสำราญขนาดใหญ่ อันดับ 8 เอเชีย สร้างรายได้ 800 ล้านต่อปี

ภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตเตรียมรับเรือสำราญ ขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 8 ของเอเชีย สร้างรายได้ 800 ล้านบาทต่อปี

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 23 พฤษภาคม 2565, เวลา 14:46 น.

วันนี้ (23 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3)  จัดการประชุม เพื่อจัดทำ SOP (Standard Operation Procedure) สำหรับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่  ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยทางทะเลฝั่งอันดามัน โดย นาวาเอก ธรรมวรรต มาลัยสุขรินทร์ รองผู้อำนวยการ ศรชล.จังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมฯ โดยมี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3/ศรชล.ภาค3  อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

นาวาเอกพิเชษฐ์ ซองตัน ผู้อำนวยการกองสารนิเทศ สำนักฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ผอ.กสน.สน.ศรชล.ภาค 3) ในฐานะโฆษก ศรชล.ภาค 3 กล่าวว่า จากสถานการณ์ทั่วไปเกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามัน ด้วย

เรือสำราญขนาดใหญ่ โดยก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย  นับเป็นอันดับ 8 ของภูมิภาคเอเชีย หรือประมาณ 200 เที่ยวต่อปีพานักท่องเที่ยวขึ้นมาท่องเที่ยวบนเกาะภูเก็ตจำนวน 4 แสนคน สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่า 800 ล้านบาทต่อปี และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรือสำราญขนาดใหญ่ ทำให้รายได้เป็นศูนย์

ในอนาคตอันใกล้นี้ คาดการณ์ว่าจะเริ่มมีเรือสำราญขนาดใหญ่เดินทางมาท่องเที่ยว ทางทะเลฝั่งอันดามัน และจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเทียบเท่าก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยมีปัจจัยต่าง ๆ สนับสนุน ดังนี้  นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในการเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามัน(Andaman  Blue Zone)  รัฐบาลมีแผนประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 การกลับมาเปิดให้บริการเต็ม 100% ของผู้ประกอบการเรือสำราญขนาดใหญ่ แนวโน้มที่จะมีนักท่องเที่ยวหันมาท่องเที่ยวทางเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น รวมทั้งมีการสร้างท่าเรือสำหรับรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่างการสำรวจ ออกแบบ กำหนดตำบลและการทำประชาพิจารณ์ 

สมาคมเรือสำราญขนาดใหญ่ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการเรือสำราญขนาดใหญ่เพื่อเชิญชวนให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทย   สมาคมเรือสำราญขนาดใหญ่ยังมี Connection กับชาติที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของไทยได้แก่ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

ในเวลาอันใกล้นี้จะมีเรือสำราญขนาดใหญ่ ชื่อ Spectrum Of The Seas จดทะเบียนที่ประเทศ บาฮามาส เป็นเรือของบริษัท Royal Caribbean International  (บริษัทฯ สัญชาติอเมริกัน) มีกำหนดเดินทางมานำนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยในเดือน มิถุนายน 2565 นี้ 

เรือ Spectrum Of The Seas เป็นเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอยู่ในขณะนี้ ทดลองการเดินเรือและระบบต่าง ๆ ในปี 2019 เป็นเรือสำราญชั้น Quantum Ultra มีดาดฟ้า 16 ชั้น สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 4,188 คน ห้องพัก 2,100 ห้อง มีความเร็วในการเดินทาง 22 น๊อต (ไมล์ต่อชั่วโมง) ให้บริการอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

Berda Claude International School of Phuket (BCIS)

นาวาเอก พิเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า การประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ บรูณาการหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่จะเดินทางมาเยือน จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดทำขั้นตอนมาตรฐาน  การบริหารจัดการที่ดีในการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ของประเทศไทย(ฝั่งอันดามัน) โดยจัดทำเป็นขั้นตอนมาตรฐานสำหรับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ หรือ (SOP for Cruise Ship)

โดยจะรวบรวมขั้นตอนการปฏิบัติของทุกภาคส่วน มาเขียนเป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นรูปเล่มในฉบับเดียวกัน ซึ่งเมื่อดำเนินการเรียบเรียงเอกสารเป็นรูปเล่มเรียบร้อยแล้วจะนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ลงนามอนุมัติ และประกาศใช้งาน  

การจัดทำ SOP ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายว่าจะกำหนดให้ใครหรือหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบหลัก แต่มีความมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ มีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน ง่ายต่อควบคุมและการบริหารจัดการ ไม่เกิดการซ้ำซ้อน โดยให้ทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน ถือปฏิบัติตาม SOP ซึ่งจะปฏิบัติไปในทิศทางและแนวทางเดียวกัน เพื่อให้รู้ว่าหน่วยงานไหนต้องปฏิบัติก่อนและปฏิบัติอย่างไร และหน่วยงานไหนปฏิบัติต่อจากนั้นและปฏิบัติต่อเนื่องกันไป จนจบกระบวนการ

ทั้งนี้ ศรชล.ภาค 3 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนชาวฝั่งทะเลอันดามันให้ทราบว่า ศรชล.ภาค 3 มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงาน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งเป็นรายได้หลักของประชาชนฝั่งทะเลอันดามัน อย่างเต็มกำลังความสามารถ 

หากท่านพบเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในทะเล ไม่ว่าจะเป็นการกระทำความผิดทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย หรือต้องการความช่วยเหลือทางทะเล ขอให้แจ้งมายัง ศรชล.ภาค 3 สายด่วน Hot Line 1465 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราพร้อมที่จะดำเนินการให้ท่านโดยทันที ตามนโยบายของ พลเรือโท สมพงษ์ นาคทอง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3/ผู้อำนวยการศรชล.ภาค 3 ที่ว่า “เมื่อได้รับแจ้งเหตุให้ ศรชล.ภาค 3 ปฏิบัติโดยทันที”

 

          

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่