รปภ.หมู่บ้านขาดรายได้ ไม่กล้าไปทำงานหลังถูกทำร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่กลัวโดนทำร้ายซ้ำ วอนสื่อช่วยเหลือ

ภูเก็ต – พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับเหมาก่อสร้าง หลังมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ สาเหตุมาจากตัวผู้รับเหมาปฏิเสธแลกบัตรประชาชน เพื่อเข้าไปทำงานภายในหมู่บ้าน 

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 30 มีนาคม 2566, เวลา 15:04 น.

จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 25 มี.ค. 66 มีเหตุเกิดทะเลาะวิวาทกัน ระหว่างผู้รับเหมาทำเฟอร์นิเจอร์กับพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) จำนวนสองคนที่เข้าประจำกะเช้าและกะกลางคืน ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลเกาะแก้ว เนื่องจากผู้รับเหมาไม่ยอมแลกบัตรผ่านเข้าไปภายในหมู่บ้าน ตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย โดยพนักงานทั้งสองคนเป็นพี่ชายกับน้องชาย

หลังจากนั้นเมื่อเวลา 11.56 น. วันที่ 27 มี.ค. นายกองสิน ไทยสา (พี่ชาย) อายุ 46 ปี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต โดยมี ร.ต.ท. ขันทอง เชาวลิต รอง สว. (สอบสวน) สอบปากคำและทำรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีอาญา ระบุผู้แจ้งคือนายกองสิน มาจากอำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย แจ้งว่าเมื่อวันที่ 25 มี.ค. เวลาประมาณ 19.40 น. ขณะที่ผู้แจ้งปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ป้อมยามของหมู่บ้านได้มี ศิวณัฐ นราจร ชาวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ขับรถยนต์ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียนระนอง เพื่อจะเข้ามายังหมู่บ้านฯ และได้มาถามผู้แจ้งว่า ใช่คนที่มีปัญหากับนายศิวณัฐฯ ไหม หลังจากคุยกันได้มีเพื่อนของนายศิวณัฐ ลากผู้แจ้งมารุมทำร้ายร่างกายทำให้ผู้แจ้งได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นนายศิวณัฐและเพื่อนก็ออกไป นายกองสินจึงมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายศิวณัฐและเพื่อน ตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับพนักงานรักษาความปลอดภัยรายแรกคือ นายอุเทศ ไทยสา (น้องชาย) เข้าเวรในช่วงกะเช้า และ นายกองสิน ที่เข้าเวรกะกลางคืน หลังก่อเหตุทะเลาะเรื่องการแลกบัตรเข้าหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งทางผู้รับเหมาทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ยอมแลกบัตรในตอนแรก และมีปากเสียงกันกับ รปภ.รายแรกคือนายอุทิศ ต่อมาช่วงกลางคืนผู้รับเหมาทำเฟอร์นิเจอร์ได้กลับมาอีกครั้ง เจอกับ รปภ.อีกคนหนึ่งคือนายกองสินพี่ชายของนายอุทิศ โดยทางผู้รับเหมาได้สอบถามนายกองสินว่าเป็น รปภ. เมื่อตอนเช้าหรือไม่ แต่นายกองสินปฏิเสธ หลังจากนั้นผู้รับเหมาฯ ได้ชกต่อยพร้อมกระชากตัวออกมาจากตู้ยาม และมีเพื่อนอีก 2 คนของผู้รับเหมารุมกระทืบ ต่อมาแฟนของผู้รับเหมาเข้ามาห้ามจึงแยกย้ายกันไป

นายอุเทศ ไทยสา เล่าว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. เวลาประมาณ 07.00 น. ตนได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ประจำป้อมยามหมู่บ้าน กระทั่งในเวลา 09.00 น .เศษได้มีผู้รับเหมาก่อสร้างเฟอร์นิเจอร์ชายรายหนึ่งขับขี่รถยนต์เข้ามาที่บริเวณหน้าป้อมยามที่มีป้ายไม้กั้น และแจ้งว่าจะเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้าน ตนแจ้งว่าจำเป็นจะต้องแลกบัตรประจำตัวประชาชนกับบัตรของโครงการหมู่บ้านก่อน แต่คู่กรณีกลับอิดออดไม่ยินยอมท่าเดียว และยังด่าว่าในทำนองเป็นภาษาถิ่นปักษ์ใต้ว่า "มึงมันอ้อร้อ" และยังบอกด้วยว่าเมื่อวานนี้เข้ามาในหมู่บ้านไม่ต้องแลกบัตร ในระหว่างนั้นผู้รับเหมามีท่าทีฉุนเฉียวและโมโหมากขึ้น แต่ตนเองก็ต้องรอและยืนยันว่าจะต้องนำบัตรประชาชนมาแลกกับบัตรโครงการเท่านั้น ในที่สุดคู่กรณีได้หยิบเอาบัตรประจำตัวประชาชนของแฟนที่นั่งข้างคนขับ จนได้เข้าไปทำงานในโครงการตามที่ต้องการ

อย่างไรก็ดีในช่วงขากลับออกมาคู่กรณีรายเดิมได้ถ่มน้ำลายใส่หน้าตนเองถึง 2 ครั้ง แต่ตนเองไม่ได้ตอบโต้อะไรพยายามอดกลั้น ในระหว่างนั้นบังเอิญมีช่างกระจกรถมาจอดรถต่อท้าย คู่กรณีจึงยินยอมขับรถออกไปให้พ้นทาง ต่อมาในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย จึงต้องโทรศัพท์แจ้งหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของโครงการ และได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนตัวมายังป้อมยาม ปรากฏว่าคู่กรณีได้ขับขี่รถยนต์ตามท้ายมาอย่างกระชั้นชิด และได้พูดคุยกับหัวหน้าชุดสักครู่หนึ่ง ด้วยท่าทีไม่พอใจโวยวาย และกลับไปที่รถไปหยิบไม้เบสบอลมุ่งตรงมาที่ป้อมยามที่ตนเองยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปในป้อมยามและปิดล็อคประตู เพราะไม่มั่นใจในสวัสดิภาพความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งเรื่องราวนี้ตนได้แจ้งให้นายกองสินไทยสาพี่ชายที่มารับหน้าที่ในเวรกะกลางคืนทราบอย่างละเอียด และแจ้งเหตุเบื้องต้นให้เจ้าที่ตำรวจภูธรที่ปฏิบัติหน้าที่ในชุมชนทราบ เพราะหวั่นเกรงว่ากลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างทำเฟอร์นิเจอร์จะหวนกลับมาก่อเหตุอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเนื่องจากมีคนมาถามหาตนเองที่ป้อมยามที่พี่ชายปฏิบัติหน้าที่อยู่ และได้กลับมาหาเรื่องพี่ชายในช่วงกลางคืน

ด้านนายกองสิน กล่าวว่า ตนทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยประมาณ 2 ปี และทำหน้าที่ต่อจากน้องชายในภาคกลางคืน จนเมื่อเวลาประมาณ 19.40 น. ของวันเดียวกันปรากฏว่ามีเพื่อนของผู้รับเหมาก่อสร้างทำเฟอร์นิเจอร์ได้มาสอบถามหาน้องชายที่มีเรื่องในภาคเช้าที่บริเวณป้อมยาม และไม่ยอมที่จะแลกบัตรประจำตัวประชาชนกับบัตรโครงการ ไม่นานนักเพื่อนผู้รับเหมาได้มากระชากตัวตนเองออกจากป้อม และลงมือทำร้ายร่างกายทั้งต่อยทั้งเตะหรือกระทืบต่อมาช่างรับเหมาอีกคนเป็นผู้ลงมือด้วย ตนเองพยายามที่จะร้องขอความช่วยเหลือกับลูกบ้านที่อยู่อาศัยใกล้เคียง แต่ไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือห้ามปรามแม้แต่คนเดียว ในที่สุดมีผู้หญิงที่มาด้วยกับผู้รับเหมาก่อสร้างบอกทำนองว่าเดี๋ยวเขาจะตายเอา

ในระหว่างนั้นตนได้รับบาดเจ็บทั้งบริเวณศีรษะ ใบหน้า ท้ายทอย และตามร่างกายหลายแห่ง เนื่องจากว่าถูกทั้งต่อยและเตะ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แจ้งต่อเจ้าของโครงการและหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว และทางเจ้านายได้บอกให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต รวมทั้งเข้าไปให้แพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตตรวจร่างกายด้วย โดยบาดแผลประกอบไปด้วย ร่องรอยถลอกบริเวณแขนซ้าย ศอกขวา และรอยฟกช้ำที่หน้าผาก แพทย์ให้หยุดพักงานเป็นเวลา 2 วัน แต่ถึงที่สุดแล้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีเงิน และรายได้ต่อ เนื่องจากเป็นเวลากว่า 4 วันแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตนและน้องชายมีความจำเป็นต้องจ่ายค่าห้องพักและอื่น ๆ

ทั้งนี้ ร.ต.ท. ขันทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งคำร้องทุกข์ไว้ตามกฎหมายแล้ว และจะได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่