รวบสาวไทย 28 คาสนามบินภูเก็ต ซุกโคเคนกว่า 2 กก. ในช่องลับกระเป๋าเดินทางกลับจากต่างประเทศ

ภูเก็ต – หน่วยปฏิบัติการภายใต้ความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยผลการจับกุมหญิงไทยวัย 28 ปี พร้อมโคเคนน้ำหนักกว่า 2,352 กรัม ซุกซ่อนในช่องลับภายในกระเป๋าเดินทางสู่ท่าอากาศยานภูเก็ต

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 6 เมษายน 2566, เวลา 16:48 น.

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงผลการบูรณาการของหน่วยปฏิบัติการภายใต้ความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force (AITF) ซึ่งประกอบด้วย ศุลกากร, บช.ปส., ศรภ. และสำนักงาน ป.ป.ส. จับกุม น.ส.วีรวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาวกรุงเทพฯ พร้อมโคเคน 2,352 กรัม ซุกซ่อนในช่องลับภายในกระเป๋าเดินทาง เส้นทางการเดินทาง อิสตันบูล ประเทศตุรกี-โดฮา ประเทศกาตาร์-ท่าอากาศยานภูเก็ต ประเทศไทย

นายวิชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 65 ชุดปฏิบัติการ AITF ตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศพร้อมโคเคน 663 กรัม ซุกซ่อนในช่องลับของกระติกน้ำเก็บอุณหภูมิ จํานวน 2 ชิ้น ซึ่งพัสดุถูกส่งมาจากประเทศโคลอมเบีย จากการสืบสวนขยายผลพบว่า น.ส.วีรวรรณ มีความเกี่ยวข้องกับพัสดุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนติดตาม เฝ้าระวังพฤติการณ์อย่างต่อเนื่อง

กระทั่งวันที่ 10 มี.ค. 66 เจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่า น.สวีรวรรณได้เดินทางไปยังต่างประเทศ เส้นทางการเดินทางจากท่าอากาศยานภูเก็ต ประเทศไทย - โดฮา ประเทศกาตาร์ - อิสตันบูล ประเทศตุรกี เป็นเส้นทางการเดินทางต้องสงสัยว่าหากมีการเดินทางกลับเข้าประเทศไทยอาจจะมีการซุกซ่อนยาเสพติดเข้าประเทศ

จากกรณีดังกล่าวจึงสั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สืบสวนเฝ้าระวังเครือข่ายที่จะลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศอย่างใกล้ชิด และเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66 สำนักงาน ป.ป.ส. ภายใต้ชุดปฏิบัติการ AITF สืบสวนทราบว่า น.สวีรวรรณเตรียมเดินทางกลับเข้าประเทศไทยที่ท่าอากาศยานภูเก็ต จึงประสานข้อมูลไปยังศุลกากรประจำท่าอากาศยานภูเก็ต ให้ทำการตรวจค้น น.ส.วีรวรรณ ผลการตรวจค้นพบโคเคน 2,352 กรัม ซุกซ่อนในช่องลับภายในกระเป๋าเดินทางดังกล่าว

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ยาเสพติดประเภทโคเคนที่ผ่านมาพบผู้ลำเลียงเป็นชาวแอฟริกันตะวันตกและชาวตะวันออกกลาง ใช้วิธีการซุกซ่อนยาเสพติดโดยการกลืนลงท้อง หรือซุกซ่อนภายในช่องลับของกระเป๋าสัมภาระ ลักลอบลําเลียงมาจากประเทศในทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชียตะวันออกกลางที่มีการค้ายาเสพติด

ในบางกรณีพบว่าบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดจะนำกระเป๋าที่ซุกซ่อนยาเสพติดบินมาจากประเทศต้นทางของยาเสพติด จากนั้นส่งมอบกระเป๋าให้กับบุคคลที่เตรียมลำเลียงต่อ ภายในจุดต่อเที่ยวบินของท่าอากาศยานก่อนที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย และหญิงไทยยังคงเป็นเครื่องมือในการลักลอบลําเลียงยาเสพติดเข้ามายังประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ใช้ความไว้วางใจจากความสัมพันธ์ส่วนตัวในการสั่งการลำเลียง

หลังจากนี้ ชุดปฏิบัติการ AITF จะสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาดําเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา (DEA) ประจำประเทศไทย เพื่อสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับการรับกระเป๋าที่ซุกซ่อนยาเสพติด ก่อนที่จะนำเข้าประเทศไทยต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่