จากกรณี มีคนร้ายเข้าไปในร้านทอง ห้างทองทวีชัย ถ.ระนอง ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ด้วยวิธีงัดหลังคาเปิดโรยลงมาในร้าน แล้วบังคับใช้อาวุธมีดและไม้ทำร้ายร่างกาย นายหวังดี อินทวงศ์ อายุ 71 ปี และ นางพวงเพ็ญ ศักดิ์เกษมกฤต 65 ปี ซึ่งเป็นญาติของเจ้าของร้านทอง บังคับให้เปิดตู้เซฟ ชิงทองรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมหรือ 300 บาทเศษ มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท พร้อมเงินสดอีก 1 แสนบาท หนีลอยนวลไป เหตุเกิดใกล้เที่ยงคืนวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ภ.8 นำกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต และ ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ลงพื้นที่คลี่คลายคดี เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์กลางเมืองภูเก็ต ผ่านไป 3 วันได้เบาะแสผู้ต้องสงสัยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุและเส้นทางต่าง ๆ จนสามารถเข้าจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้
ความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อประมาณ 07.30 น. ของวันที่ 26 ต.ค. ชุดสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมกับชุดสืบสวน บก.สส. 8 ได้เข้าควบคุมตัวชายต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ได้ที่คาร์แคร์แห่งหนึ่ง ริมถนนวิชิตสงคราม ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ห่างจากร้านทองที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ จากนั้นชุดสืบสวน ได้ตรวจพบรถจักรยานยนต์ ของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง และมีชายชาวเมียนมาผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ขับขี่ และเมื่อนำรูปพรรณสัณฐานของชายชาวเมียนมาดังกล่าวให้ผู้เสียหายชี้ยืนยัน ปรากฏว่าตรงตามตำหนิรูปพรรณของคนร้าย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชายชาวเมียนมาดังกล่าวไปสอบปากคำที่ บก.สส.ภ.8 โดยมี รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วันชัย เอกพรพิชญ์ และ พล.ต.ต ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ร่วมสอบสวนผู้ต้องสงสัยด้วยตนเอง
ล่าสุดผู้ต้องสงสัยได้เปิดปากรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง พร้อมนำตรวจยึดของกลาง รับสารภาพว่าได้ใช้เงินสดบางส่วนไปแล้ว ส่วนสาเหตุของแรงจูงใจส่วนรายละเอียดอื่น ๆ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 จะเป็นผู้แถลงในรายละเอียดด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นชายชาวพม่า อายุประมาณ 25-30 ปี มาทำการสอบสวน โดยจากการสอบปากคำและเค้นอย่างหนัก จนเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยในก่อนเกิดเหตุได้เตรียมวางแผนเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของคนในร้านทองนานกว่า 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือก่อเหตุโดยปีนขึ้นเปิดหลังคา ก่อนเจาะฝ้าเพดาน รอจนกว่าคนในบ้านจะหลับจึงลงมือก่อเหตุ ส่วนทรัพย์สินที่ได้ไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ และติดการพนันออนไลน์ ส่วนเงินสดที่เหลือตอนนี้เหลือเพียง 3 หมื่นบาท และทองคำที่ขโมยมานั้นยังอยู่ครบ แต่ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับจำนวนทองคำที่ถูกขโมยไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการเปิดเผยอย่างชัดเจน ถึงมูลค่าความเสียหายที่แท้จริง
