ศปปง.ตร. ‘สยบอันดามัน’ ขยายผลจับกุม ยึดทรัพย์ 113 ล้าน เครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ

ภูเก็ต – ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) แถลงข่าวผลการปฏิบัติ ’สยบอันดามัน 1/65 ขยายผล จับกุม ยึดทรัพย์ เครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ’ เผยผลการตรวจยึดทรัพย์สินรวม 19 รายการ มูลค่ามากกว่า 113 ล้านบาท

เอกภพ ทองทับ

วันอาทิตย์ ที่ 29 พฤษภาคม 2565, เวลา 21:09 น.

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 65 เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศปปง.ตร., พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร เสธ.ทภ.4, พล ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8, นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงาน ปปง., นายพีระ กาญจนพงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส. ภาค 8, นายสันติ ศรีวะโร นิติกรชำนาญการพิเศษ สรรพากรภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าว ณ ห้องประชุมบุตรน้ำเพชร หอประชุมชัยจินดา ตำรวจภูธรภาค 8

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 03.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัว นายรุกมาน วาเงาะ และ นายจ๊ะมูฮารูชี บินจ๊ะอารง พร้อมยาไอซ์ 1 กิโลกรัม และ ยาบ้า 1,399,200 เม็ด บริเวณจุดสายตรวจถนนสาย 41 ฝั่งขาล่องใต้ หน้าสุทธิโชคคาร์แคร์ หมู่ 3 ตำบลหนองไทร อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ขยายผลเครือข่าย นายรุกมาน จนสามารถจับกุมตัว นายอัจฉริยะ แฉล้มวารี และ นายลัทธิ ปิ่นเกตุ พร้อม ยาบ้า 200,000 เม็ด และ ยาไอซ์ 300 กิโลกรัม บริเวณ บ้านเลขที่ 11 ถนนพัฒนาการ 69 แยก 2-1 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 64 เวลาประมาณ 21.00 น.

ต่อมา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ศปปง.ตร.) ประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของนายรุกมาน วาเงาะ และผู้ที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการอำพรางเส้นทางการโอนเงินอันมีลักษณะเป็นการฟอกเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย จึงได้ร่วมบูรณาการกับหลายหน่วยงาน เกิดเป็น "แผนปฏิบัติการสยบอันตามัน 1/65 ขยายผล จับกุม ยึดทรัพย์ เครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ" ในครั้งนี้ขึ้น ซึ่งผลการปฏิบัติงานของแผนปฏิบัติการสยบอันดามัน สามารถจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สินได้ ดังนี้

พื้นที่เป้าหมายจังหวัดเชียงราย สามารถตรวจยึดทรัพย์สิน คือ 1) บ้าน จำนวน 1 หลัง มูลค่าประมาณ 500,000 บาท 2) ที่ดิน จำนวน 1 แปลง มูลค่าประมาณ 700,000 บาท รวม 2 รายการ มูลค่าประมาณ 1,200,000 บาท

พื้นที่เป้าหมายกรุงเทพมหานคร สามารถตรวจยึดทรัพย์สิน คือ
1) รถยนต์ จำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท 2) บ้าน จำนวน 1 หลัง มูลค่าประมาณ 7,000,000 บาท 3) อาวุธปืน จำนวน 1 กระบอก มูลค่าประมาณ 100,000 บาท รวม 3 รายการ มูลค่าประมาณ 8,100,000 บาท

พื้นที่เป้าหมายจังหวัดภูเก็ต สามารถตรวจยึดทรัพย์สิน คือ
1) ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซัลซา บีล่า บีล่า มูลค่าประมาณ 10,000,000 บาท
2) บริษัท P.YMN Company Limited มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท
3) สวนยางพารา เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ มูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท
4) ร้านอาหาร Naiyang Bay Resterant มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท
5) ร้าน TT Naiyang Beach Phuket มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท
6) บ้านเลขที่ 82/24 หมู่ 5 ตำบลสาดู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มูลค่าประมาณ 500,000 บาท
7) บ้านเลขที่ 92/6 หมู่ 5 ตำบลสาคู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท
8) บริษัทคลีนแม็กซ์ ภูเก็ต มูลค่าประมาณ 7,000,000 บาท
รวม 8 รายการ มูลค่าประมาณ 62,000,000 บาท

พื้นที่เป้าหมายจังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจยึดทรัพย์สิน คือ
1) รถยนต์ จำนวน 3 คัน มูลค่าประมาณ 1,800,000 บาท 2) รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน มูลค่าประมาณ 110,000 บาท 3) ที่ดิน จำนวน 2 แปลง มูลค่าประมาณ 6,200,000 บาท 4) บ้าน จำนวน 2 หลัง มูลค่าประมาณ 15,000,000 บาท 5) หมู่บ้านจัดสรร D-ONE Home อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส มูลค่าประมาณ 15,000,000 บาท 6 รถแบคโฮ มูลค่าประมาณ 4,000,000 บาท รวม 6 รายการ มูลค่าประมาณ 42,110,000 บาท
รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมด 19 รายการ มูลค่าประมาณ 113,410,000 บาท

พล.ต.อ.มนตรี กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการปราบปรามต่อเนื่อง แต่ครั้งนี้เป็นพิเศษที่ผบ.ตร.สั่งการตรงคือเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายใหญ่ ของนักการเมืองท้องถิ่นบางคนโยงไปถึงเครือข่ายที่อยู่นอกประเทศ รวมทั้งเงินที่ได้มาจากยาเสพติดมีการมาฟอกเงินให้เป็นทรัพย์สินที่ถูกต้อง ทำกิจการร้านอาหาร โรงแรม ซื้อบ้าน ซื้อรถ มูลค่ารวมกว่า 113ล้านบาท เป็นเบื้องต้น ทำให้การติดตามยากแต่ด้วยความร่วมมือทุกหน่วยงานทั้งตำรวจ ทหาร ปปส.ปปง.ปกครอง และ ประชาชน สามารถทำลายเครือข่ายนี้ลงอย่างราบคาบ เรามีการสืบค้นเครือข่ายนี้อย่างต่อเนื่อง อาจจะพบเห็นในการนำเงินที่ฟอกได้ ไปซื้อเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ หรือการนำเงินออกนอกประเทศต่าง ๆ ซึ่งเครือข่ายนี้สามารถทำได้โดย ผบช.ภ.8 และทีมงานติดตามอยู่อาจจะมีข่าวดีอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ สามารถที่จะจับกุมได้เพิ่มเติม

จากการสืบสวนสอบสวนยังพบเส้นทางการเงิน เส้นทางการติดต่อสื่อสาร ไปเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ เจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ระหว่างวิเคราะห์เชื่อมโยงข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนซาวไทย จะได้ดำเนินการตรวจสอบ และจับกุมผู้กระทำผิดรายอื่นเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอสื่อมวลชน ช่วยประชาสัมพันธ์ หากพบเห็นเบาะแสต้องสงสัยการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 191 , สายด่วน ปปง. 1710 , สายด่วน ป.ป.ส. 1386 เพื่อติดตามตัว ผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่