ศรชล.ภาค 3 ตรวจสอบป่าชายเลนชุมชนมะขามคู่ ถูกบุกรุกใช้ประโยชน์กระทบประมงชาวบ้าน

ภูเก็ต - เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 65 นาวาเอก ปราชญ์ธน์ไชย ทองรักษ์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและการข่าว สำนักฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบตามข้อร้องเรียนของชาวบ้าน ว่ามีการรุกรานพื้นที่ป่าชายเลนและการบุกรุกพื้นที่คลองมุดง ในชุมชนมะขามคู่ ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 11 พฤษภาคม 2565, เวลา 17:15 น.

นาวาเอก ปราชญ์ธน์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับมอบหมายจาก พลเรือโท สมพงษ์ นาคทอง ผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 3 ให้ดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านชุมชนมะขามคู่ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่ ศรชล.ภาค 3 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.65 ระบุว่า มีผู้เข้ามารุกรานพื้นที่ป่าชายเลนคลองมุดง ชุมชนมะขามคู่ โดยเข้ามาจับจองพื้นที่ในคลอง ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ ทำมาหากินไปหาปูหาปลาได้ตามปกติ และมีการบุกรุกทำลายป่าชายเลน ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อม เสียสมดุล

"ศรชล. ภาค 3 จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ร่วมกับกำนัน ผู้นำชุมชน เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการเดินสำรวจประกอบกับแผนที่ ที่ได้เตรียมมา ตรวจสอบว่า พื้นที่ใดเป็นพื้นที่อนุญาตให้บุคคลหรือสังคมแล้ว พื้นที่ใดมีการบุกรุก และประชาชนโดยส่วนรวมไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ หรือพื้นที่ใดมีการทำลายป่าชายเลนหรือทรัพยากรเป็นอย่างมาก” น.อ. ปราชญ์ธน์ไชย กล่าว

“ผลการสำรวจตรวจสอบเบื้องต้นได้พบเห็นตามหนังสือร้องเรียน ได้เห็นสภาพพื้นที่มีการก่อสร้างใหม่ พื้นที่ที่มีบ้านกับป่าชายเลนปะปนกัน และมีพื้นที่ที่มีป่าชายเลนเพิ่มขึ้น ที่ใช้ในการประกอบอาชีพก็มี ค่อนข้างที่จะซับซ้อน การที่จะทำให้อยู่กันอย่างสมดุล คนต้องอยู่กับธรรมชาติ ถ้าไม่มีธรรมชาติ คนจะอยู่ลำบาก ต้องมีการจัดโซนนิ่ง คิดว่ายังไม่สามารถจัดโซนนิ่งที่ชัดเจนได้ ถ้าจัดโซนนิ่งที่ชัดเจนได้และมีการดูแลอย่างดีคงไม่มีการร้องเรียน”

“ส่วนกระบวนการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ทาง ศรชล. ภาค 3 จะเป็นพี่เลี้ยงให้ชุมชนให้กระบวนการของสังคมในชุมชนเป็นผู้แก้ปัญหา น่าจะมีหนทางที่เหมาะสมและเป็นทางออกที่ดี เพราะว่าหากมีหน่วยงานรัฐเข้ามาแล้วไม่ถูกใจประชาชนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะเกิดความเหลื่อมล้ำหรือการแทรกแซงเกิดขึ้นได้ ทาง ศรชล. ภาค3 จะไม่ทิ้งชุมชน ทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ชุมชนมะขามคู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีป่าชายเลนที่ยั่งยืนและอุดมสมบูรณ์" น.อ. ปราชญ์ธน์ไชย กล่าว

ทางด้าน นายวัฒนะชัย เพชรฐิติวัฒน์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณนี้มีเนื้อที่กว่า 40 ไร่ เป็นพื้นที่นโยบายจัดที่อยู่อาศัยตามนโยบายรัฐบาลที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการอนุญาต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่จะอนุญาตให้จังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ใช้ประโยชน์ และส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่กำลังอยู่ในขั้นตอนประกาศเป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ ได้มีการหารือมาตรการใช้ประโยชน์กับผู้นำชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในพื้นที่แล้ว

“การเข้ามาตรวจสอบครั้งนี้ การร้องเรียนบอกว่ามีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมาย ต้องดูว่าเป็นการทำลายเสียหายร้ายแรงหรือไม่หรือเข้าใช้ประโยชน์วิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม ถ้าส่งผลต่อป่าชายเลนจะดำเนินการตามกฎหมาย ถ้าบุกรุกใช้พื้นที่โดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งจะดำเนินคดีตามกฎหมาย” นายวัฒนะชัย กล่าว

นายวินัย สามสี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ชุมชนมะขามคู่ มีประชากร กว่า 500 คน 121 ครัวเรือน พื้นที่ชุมชนมะขามคู่ เดิมเป็นพื้นที่การทำเหมืองแร่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2490 มีการขออนุญาตประทานบัตรการทำเหมืองแร่ของตระกูลเทพบุตร จากนั้นใน พ.ศ.2528 -2531 หยุดการทำเหมืองแร่ เพราะมีการย้ายไปทำที่อื่น ทำให้ชาวบ้านที่ทำงานกับนายเหมืองได้อยู่อาศัยในพื้นที่แห่งนี้ จนถึงรุ่นลูกหลานในปัจจุบัน ได้ทำมาหากินโดยการทำประมง อาทิ ทอดแห เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา ในกระชัง

ต่อมามีชาวบ้านจากที่อื่นเข้ามามาอยู่เพิ่มเติม มีประชากรมากขึ้นมีการปล่อยน้ำเสียลงคลองมุดง ทำให้ทำประมง เลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ไม่ได้ เป็นปัญหาและมีการทิ้งกิ่งไม้ในลำคลอง เข้าไปตกปูตกปลาลำบาก มีกลุ่มเข้าไปขโมยสัตว์น้ำ ปู ปลา ในแนวเขตที่เลี้ยงสัตว์น้ำ สำหรับ การแก้ปัญหานี้ จะประชุมร่วมกับชาวบ้านในชุมชนมะขามคู่ กับ เทศบาลตำบลวิชิต รับฟังปัญหาร่วมกันคิดว่าน่าจะมีทางออกได้

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่