ส.ส.แซมพาผู้เสียหายพัวพันกลุ่มทุนจีนโกงเงินทำวีซ่าโรงเรียนเอกชนนานาชาติ เสียหาย 40 ล.

ภูเก็ต – เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 11 มิ.ย. 68 ส.ส.เฉลิมพงศ์ ‘แซม’ แสงดี นำผู้เสียหายจากบริษัทเอกชน เข้าพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต หลังอ้างถูกหญิงสาวรายหนึ่งโกงเงินลงทุนการทำวีซ่ามูลค่าความเสียหายรวมกว่า 40 ล้านบาท และคดีไม่คืบหน้า โดยมีผู้เสียหาย ตัวแทนของโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วม

ข่าวภูเก็ต

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน 2568, เวลา 15:55 น.

ส.ส.เฉลิมพงศ์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนได้พาผู้เสียหายจากบริษัทเอกชน B (นามสมมติ) เข้าพบ พล.ต.ต สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ณ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากการพูดคุยสอบถามข้อมูลพบว่ากับหนึ่งในกรรมการของโรงเรียนนานาชาติ A (นามสมมติ) มีชื่อพัวพันกลุ่มจีนเทาและถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ฉลอง รวมถึงอีกคดีอื่น ๆ ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต

ทางด้าน พล.ต.ต สินเลิศ กล่าวว่า รูปการของคดีนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่อย่างใด พฤติกรรมและการดำเนินการในลักษณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมไปถึงสืบเสาะข้อมูลและรวบรวมหลักฐาน เพื่อสืบสาวว่ามีใครบ้างที่ร่วมกระบวนการ ซึ่งกระบวนการทำวีซ่านักเรียน ควรที่จะมีการขอผ่านหน่วยงานโดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านนายหน้าหรือ เพราะจะมีการอ้างในเรื่องของการอำนวยความสะดวกเอกสาร หรือแอบอ้างว่ารู้จักบุคคลที่จะทำให้วีซ่าผ่านได้ง่าย ซึ่งช่องทางตรงนี้จะเป็นการเปิดช่องให้กลุ่มคนหรือมิจฉาชีพใช้หลอกลวง จนนำไปสู่ความเสียหาย ทั้งคนว่าจ้างและเสียภาพลักษณ์ของประเทศ

ซึ่งทางด้าน ส.ส.เฉลิมพงศ์ ได้เน้นย้ำก่อนจบการประชุมว่า ขอให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับบุคคลที่หวังลงทุนในเรื่องต่าง ๆ ของค่าทำวีซ่าหรือแรงงาน เพื่อความถูกต้องขอให้มีการติดต่อกับทางหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และขณะเดียวกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ที่จะไม่กล้ามาลงทุนในประเทศไทยและภูเก็ต ทำให้เกิดภาพภาพลักษณ์ที่เสียหายได้

“เมื่อเราเปิดย้อนไปดูข้อมูลของบริษัท A ที่เปิดธุรกิจ พบว่า มีการจดทะเบียนเป็นโรงเรียนนานาชาติเอกชน ศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา สำหรับเด็กปกติ ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท สถานะกำลังดำเนินการอยู่ สัดส่วนการลงทุนมีทั้งถือสัญชาติไทยและสัญชาติจีน ภายหลังเกิดเป็นกระแสข่าวทางโรงเรียน A จึงมีการแถลง และมีการกล่าวในเชิงไม่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวรายที่อ้างตัวในข้างต้นแต่อย่างใด ขณะที่ผู้เสียหายได้ชี้ชัดถึงพฤติกรรมและการกระทำ ว่ามีส่วนเชื่อมโยงในการดูแลปกป้องผลประโยชน์ของโรงเรียนอย่างชัดเจน ทั้งการจัดอบรม การดำเนินเอกสารเรื่องของการขอวีซ่าของบุคคลในโรงเรียน รวมถึงการพบปะระดมทุนจากผู้สนใจลงทุน”

BAAN KRU JAY INTERNATIONAL KINDERGARTEN

“ความน่าสนใจของเรื่อง นอกจากการลงทุนเรื่องของการขอวีซ่าให้นักเรียนโรงเรียน A (นามสมมติ) หนึ่งของผู้เข้าร่วมได้กล่าวข้อมูลเชื่อมโยงกับ การเปิดธุรกิจเป็นนอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการของกฎหมายไทย เนื่องจากพบหลักฐาน ตัวผู้ถูกกล่าวหา มีชื่อเป็นกรรมการลำดับที่ 3 ของโรงเรียน A ต่อได้มีการเปิดบริษัทเอกชน B (นามสมมติ) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในเรื่องของที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และยังสามารถลงชื่อพร้อมประทับตราของบริษัทได้ โดยพฤติกรรมในลักษณะนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งในระบบการทำงานของข้าราชการซึ่งมีการอ้างว่าสามารถช่วยหรือดำเนินการให้ได้ นอกจากนี้ยังทำให้ เสื่อมเสียชื่อเสียงภาพลักษณ์ของภูเก็ต ในด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน” ส.ส.เฉลิมพงศ์ ระบุ




 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่