สธ.เน้นย้ำมาตรการสำคัญป้องกันโควิด-19 ‘VUCA’ รองรับเปิดประเทศพื้นที่ภาคใต้

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำ VUCA มาตรการสำคัญป้องกันโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ในโอกาสเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ และรองรับการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ภาคใต้ ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ข่าวภูเก็ต

วันพุธ ที่ 15 ธันวาคม 2564, เวลา 13:43 น.

นพ.เกียรติภูมิ ได้เน้นย้ำ 4 มาตรการเปิดประเทศ V-U-C-A V ประกอบด้วย Vaccine ฉีดครบ ลดป่วยหนัก, U - Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ห่างไกลจากโควิด, C - COVID Free Setting สถานที่บริการพร้อม ผู้ให้บริการฉีดวัคซีนครบ ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ และ A - ATK (Antigen test kit) พร้อมตรวจเสมอเมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ หรือมีอาการทางเดินหายใจ

“เกือบ 2 ปีแล้วสำหรับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทุกวันนี้รู้จักโรคดีขึ้น อีกทั้งฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วกว่า 97.4 ล้านโดส สำหรับสายพันธุ์โอมิครอนก็ยังต้องเฝ้าระวัง แต่คิดว่าไม่น่าจะมีสถานการณ์ที่รุนแรงกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดประเทศแล้วก็ต้องยึดหลัก VUCA เป็นมาตรการสำคัญ ที่ผ่านมาพบว่าการแพร่เชื้อต่ำกว่าการคาดหมาย อีกไม่นานน่าจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 3,000 คนต่อวัน โดยต้องดำเนินงานควบคู่ไปกับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้อย่างปลอดภัย” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

นอกจากนี้ในส่วนของแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ระดับพื้นที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้เปิดเผยต่อที่ประชุมว่า แม้ว่าภาพรวมของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศมีแนวโน้มลดลง แต่ในภาคใต้ยังมีคลัสเตอร์ย่อยอยู่มาก การได้รับวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิตได้ จึงต้องเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามารับวัคซีนให้ครอบคลุมที่สุด

กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนได้ครบ 100 ล้านโดส 20 ธันวาคม 2564 ตั้งเป้าเข็มบูสเตอร์อย่างน้อย 23 ล้านราย ภายในมีนาคม 2565 นอกจากนี้ ยังได้วางแนวทางใหม่ในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ห่างจากเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลา 3 เดือน ประมาณการผู้ได้รับเข็มบูสเตอร์หรือเข็มที่ 3 อย่างน้อย 23 ล้านราย ภายในมีนาคม 2565 เพื่อให้ภูมิคุ้มกันมีมากขึ้น

"สำหรับเป้าหมายการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 ประชากรทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 80 สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดสามารถ Walk-in ได้ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครกำหนดไว้ ส่วนกลุ่มอายุต่ำกว่า 12 ปี กำลังรอการพิจารณา เพื่อรับวัคซีนได้ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ให้เด็กอนุบาลและชั้นประถมศึกษาได้เตรียมความพร้อมก่อนการเปิดเทอม" นพ.โอภาส กล่าว

ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่