ในขณะที่หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตรอำเภอถลาง เผยเหตุการณ์นี้เกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2564 และปกติจะใช้กระดาษรียูสในการออกใบเสร็จ แต่ทางเจ้าหน้าที่อาจจะเผลอนำใบมรณะบัตรมาใช้ และแจ้งขออภัยในเรื่องที่เกิดขึ้น
จากกรณีเฟซบุ๊กเพจหมอแล็บแพนด้า ได้โพสต์รูปภาพใบเสร็จรับเงิน ของแฟนเพจท่านหนึ่ง ที่ได้เดินทางไปจดทะเบียนสมรส ณ ที่ว่าการอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต แต่หลังจากที่ได้รับใบเสร็จรับเงิน กลับพบว่า ที่ด้านหลังของใบเสร็จเป็นใบแจ้งการตายหรือใบมรณะบัตร ที่ยังมีข้อมูลของผู้เสียชีวิต รวมทั้งการเสียชีวิตที่ระบุว่า ขาดอากาศหายใจจากการผูกคอตาย
พร้อมระบุข้อความว่า โอยยยย แฟนเพจท่านนึงไปจดทะเบียนสมรสมา แต่หลังใบเสร็จเป็นกระดาษใช้ซ้ำจากใบมรณะบัตรครับ สวัสดีค่ะ ไปจดทะเบียนสมรสมาได้ใบเสร็จ ด้านหลังใบเสร็จเป็นรายละเอียดครบเกี่ยวกับมรณบัตรของใครคนนึง อยากให้หน่วยงานรัฐ โรงพยาบาลหรือสถานที่ที่มีข้อมูลส่วนตัวของคนอื่นใส่ใจมากกว่านี้ค่ะ สมัยนี้ยิ่งมิจเยอะมากด้วยค่ะ ซึ่งภายหลังที่ได้มีการโพสต์เรื่องราวนี้ ก็ได้มีชาวโซเชียลเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากกว่า 2 พันความคิดเห็น และแชร์เรื่องนี้ไปมากกว่า 1 พันครั้ง
โดยทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวที่ที่ว่าการอำเภอถลาง พบว่ายังคงมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการกันตามปกติ และได้พูดคุยกับ นายวิสุทธิ์ โรมินทร์ หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตรอำเภอถลาง ทราบว่า ปกติทางที่ว่าการอำเภอถลาง ก็จะนำกระดาษรียูสมาใช้ออกใบเสร็จ ส่วนเหตุการณ์ตามเพจหมอแล็บแพนด้านั้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการออกใบเสร็จตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 มีคนมาขอจดทะเบียนสมรส และได้จดให้เรียบร้อย จากนั้นในวันรุ่งขึ้น ได้มาขอคัดรายการทะเบียนครอบครัวที่เรียกว่า คร.2 ซึ่งทางทะเบียนก็ได้คัดให้ และเขานำไปใช้ในการต่อวีซ่าต่างประเทศ และได้ออกใบเสร็จให้ผู้มาติดต่อราชการท่านนั้น และปรากฏว่าทางอำเภอซึ่งได้ใช้กระดาษรียูสมาโดยตลอดในการออกใบเสร็จ แต่ก็ไม่ทราบว่าด้านหลังกระดาษรียูสเป็นเอกสารอะไร และได้ทราบว่าเป็นสำเนาใบมรณะบัตรจริงตามที่เป็นข่าวอยู่ ซึ่งทางอำเภอได้ตรวจสอบพบเป็นความผิดพลาดในเรื่องของผู้ปฎิบัติที่ไม่ได้สังเกตว่าอะไรอยู่ด้านหลัง ทางสำนักทะเบียนก็น้อมรับในความผิดพลาดครั้งนี้ และกราบขออภัยผู้มาติดต่อราชการทุกท่านด้วย
น.ส.ศรีมุกดา คนคล่อง ชาวบ้านที่เดินทางมาใช้บริการ บอกว่า ทราบเรื่องนี้ในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าเกิดขึ้นกับตัวเองก็คงจะตกใจ ก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูให้รอบคอบทุก ๆ ครั้ง
ส่วนทางด้าน น.ส.อุมา แม่นศิริ กล่าวว่า ตนได้ยินข่าวนี้มาเหมือนกัน แต่ปกติก็ทราบว่าทางสำนักงานใช้กระดาษรียูสอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นเอกสารสำคัญก็ไม่ควรที่จะนำเอามาทำเรื่องแบบนี้ได้ ถ้าเป็นตัวเราเองก็คงจะเสียความรู้สึก จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่รอบคอบกว่านี้และปรับปรุงตรงนี้ด้วย
