จากกรณีเพจโหดจังจังหวัดภูเก็ต โพสต์คลิปความยาว 59 วินาที พร้อมข้อความตำหนิวินเมืองป่าตอง ที่ได้มีการข่มขู่ผู้โดยสารที่ปฏิเสธการใช้บริการพาเธอไปส่งที่พัก พร้อมตั้งคำถาม นี่หรือคือเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
ตามคลิปปรากฏเหตุการณ์เกิดเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค.66 บนถนนราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง มีผู้หญิงรายหนึ่งได้เรียกรถ จยย.รับจ้าง หมายเลขทะเบียน กน 6114 ภูเก็ต แต่หลังสอบถามราคา ผู้หญิงรายนี้จึงปฏิเสธว่าไม่ไป เดี๋ยวเพื่อนจะมารับ ต่อจากนั้นรถ จยย.รับจ้างคันดังกล่าวก็มีการด่าทอเธอ
ล่าสุดบ่ายวันนี้ (10 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.วิไลวรรณ อายุ 32 ปี ผู้ซึ่งถูกวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างด่าทอตามคลิป พร้อมทั้งเล่าให้ผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานตนกลับมาจากทำธุระกับเพื่อน และได้เรียกใช้วินมอเตอร์ไซค์คู่กรณี เพื่อให้มาส่งที่ห้องพัก สอบถามราคาทราบว่า 70 บาท ทั้งที่ปกติแล้วเธอจ่ายเงินอยู่ที่ 50 บาท จึงปฏิเสธการใช้บริการไป คนขับลดให้เหลือ 60 แต่เธอยังคงปฏิเสธและแจ้งว่าจะขอเดินกลับเอง แต่คู่กรณียังคงตามตื๊อ และเธอได้ปฏิเสธอยู่หลายครั้งพร้อมยกมือขอโทษ กระทั่งชายคนดังกล่าวใช้วาจาหยาบคายด่าทอพร้อมทั้งข่มขู่เธอ
“ตอนนั้นรู้สึกกลัวมาก ตอนเกิดเหตุเป็นเวลาตี 4 ของวันนี้ (10 พ.ค.) มีคนน้อย ชาวต่างชาติเดินผ่าน 2-3 คน น่ากลัวมาก อยากจะฝากบอกถึงวินมอเตอร์ไซค์ว่า ไม่อยากให้ไปทำกริยาไม่ดีกับคนไทยหรือชาวชาติ ไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใครเลย สงสารเขา อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเคร่งครัดให้มากกว่านี้ เพราะมันน่ากลัว ส่วนตัวไม่รู้จะเจอเขาอีกวันไหน ไม่รู้เขาจะมาทำร้ายตนอีกหรือเปล่า เพราะเขาขู่เอาไว้เยอะ” เธอกล่าว จากนั้นเธอได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ป่าตอง
ด้าน พ.ต.ท. ภูมิ เสมวรนนท์ รอง ผกก.(สอบสวน) ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าจราจร สภ.ป่าตอง กล่าวว่า ทางตำรวจได้มีการตรวจสอบปรากฏว่า เจอคลิปกล้องวงจรปิดจากสถานที่ใกล้เคียง และได้ทราบว่าเป็นชายไทย และทราบป้ายทะเบียนรถ
“จากการสอบถามจากคนใกล้เคียงทราบว่าชายคนดังกล่าวมีบ้านพักไม่ไกลจาก สภ.ป่าตอง จึงได้เชิญมาทำการสอบถาม ทราบว่าทำอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง เมื่อทางหญิงผู้เสียหายยกเลิกที่จะให้ไปส่งยังที่พัก ทางผู้ต้องหาเกิดความไม่พอใจจึงได้พูดจาตามคลิปดังกล่าว” พ.ต.ท.ภูมิ กล่าว
“ผู้ต้องหาเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชมาทำงานที่ภูเก็ตมีบุตร 3 คน เบื้องต้นในส่วนของความผิดแยกเป็น 2 ส่วนคือ 1 ความผิดส่วนตัว ซึ่งทางผู้เสียหายขณะนี้ผู้เสียหายได้ดำเนินการแจ้งความอยู่ และมีความผิดในเรื่องของการนำรถจักรยานส่วนบุคคลมาวิ่งรับผู้โดยสาร ส่วนที่ 2 ขับรถโดยใช้ใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ และนำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนเลขเสียภาษีมาใช้ และไม่สวมหมวกนิรภัย ทางเจ้าตัวก็ยอมรับและเปรียบเทียบปรับ เป็นจำนวนเงิน 2,500 บาท”
พ.ต.ท.ภูมิ กล่าวอีกว่า นอกจากมีการเปรียบเทียบปรับแล้วยังได้ทำการบันทึกประวัติ และสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ตได้เรียกตัวนายประเสริฐชัยให้มาเข้ารับการอบรม เพื่อปรับปรุงพฤติกรรม วินัย กฎระเบียบจราจร และการให้บริการสาธารณะที่ดี ณ สำนักงานจังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 8 ชั่วโมง อีกด้วย
