สาวไซด์ไลน์ร้องสื่อ สุดทนยอมเปิดโปง แก๊งหัวเกรียนบุกบ้านรีดเงินถึงบ้าน

ภูเก็ต - จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ได้โพสต์กรณีมีหญิงสาวรายหนึ่งร้องเรียนว่า ถูกตำรวจไซเบอร์ล่อซื้อจับกุมข้อหาค้าประเวณี เรียกเงิน 50,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว เมื่อไม่มีเงินจ่าย ให้เอารถยนต์กระบะของหญิงสาวรายนี้ไปจำนำกับตำรวจอีกคน อ้างว่าถ้าขึ้นศาลต้องโดนอายัดรถเพราะรถใช้ในการกระทำความผิด ให้เซ็นสัญญาผ่อนเดือนละ 5,000 บาท

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 30 มีนาคม 2565, เวลา 16:56 น.

โดยหญิงรายนี้เห็นว่ารถยังผ่อนไฟแนนซ์อยู่จึงไม่ผ่อนกับตำรวจไซเบอร์ ได้ไปหาเงินกู้มาให้ตำรวจไซเบอร์ครบตามจำนวนและรับรถคืนกลับมา ต่อมาตำรวจไซเบอร์ชุดเดิมบุกรุกมาที่บ้านตั้งใจมาไถเงินอีก หญิงสาวคนดังกล่าวได้ถ่ายรูปเอาไว้ ตำรวจไซเบอร์จึงให้รอหมายจับและกลับออกไป หญิงสาวรายนี้จึงร้องเรียนผ่านเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง ในเรื่องที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดไถเงินและโทรศัพท์ข่มขู่ โดยขอให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องนี้ได้พบเห็นในสื่อโซเชียลจึงให้มีการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ามีการจับกุมจริง เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2564

"ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยให้ สภ.ถลาง เขียนรายงานชี้แจงมาเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง พอทราบเรื่องแล้วว่ามีการจับกุมจริง มีบันทึกการจับกุม มีเลขคดีแล้ว กำลังดูว่าใครเป็นคนจับกุมกันแน่ หน่วยไหนเป็นคนจับกุม และได้สั่งให้ตรวจสอบ ส่วนการปฏิบัติตัวของตำรวจในการเข้าไปหาผู้เสียหายนั้น ตำรวจต้องแสดงตนอยู่แล้ว ว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาจากที่ไหน มาเพื่ออะไร แต่ทางที่ดีขอให้ผู้เสียหายเข้ามาพบตนได้โดยตรง หรือจะไปพบกับ ผกก.สภ. ถลาง ก็ได้ จะได้เรื่องที่ตรงและชัดเจนในการแก้ปัญหา" พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ กล่าว

ล่าสุดวันนี้ ( 29 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับหญิงสาวไซด์ไลน์ เหยื่อกลุ่มคนหัวเกรียน น.ส.แอม (นามสมมติ) กล่าวว่า เมื่อประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 13 ต.ค.64 มีผู้ชายคนหนึ่งมาติดต่อขอซื้อบริการกับตน ตนก็ตอบตกลงและนัดกันไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งในภูเก็ต พอไปถึงตนก็เจอกับผู้ชายคนดังกล่าว โดยตกลงในราคา 1,500 บาทเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ผู้ชายคนดังกล่าวก็ตกลงและยอมจ่ายเงินให้เราตามจำนวน 1,500 บาท อีกสักครู่ก็มีเสียงคนเคราะประตู ตนยังไม่ได้เดินไปเปิด แต่ลูกค้าของตนเดินไปเปิดประตูเอง พร้อมกับดับไฟในห้อง ด้วยตนตกใจมากเห็นชายฉกรรจ์ประมาณ 7 คนกรูเข้ามาในห้องของตน มีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้แต่งกายเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ 1 นาย ที่เหลือแต่งตัวนอกเครื่องแบบทั้งสิ้น ซึ่งตนก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นตำรวจทั้งหมดหรือไม่ แต่ทั้งหมดได้บอกตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไซเบอร์ มากับผู้กองซึ่งแต่งตัวเต็มยศเป็นผู้นำจับตน

ตอนนั้นตนสวมใส่ผ้าคุณหนูอย่างเดียวและเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เข้ามาเปิดไฟและบันทึกภาพของตน จากนั้นให้ตนใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่จะจับตนใส่กุญแจมือ จากนั้นกลุ่มเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็เข้ามายึดกระเป๋าของตนพร้อมกับตรวจค้นภายในกระเป๋าพบเงินสดจำนวน 1,500 บาท และหนึ่งในจำนวนผู้ตรวจค้นทั้ง 7 คนนำเงินมาใส่ในกระเป๋าของตนอีก 2,000 บาท ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นเงินค่าอะไร จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกลุ่มได้แจ้งกับตนว่าผู้ชายที่ติดต่อตนมานั้นเป็นสายตำรวจ เพื่อที่จะมาล่อซื้อตนในข้อหาค้าประเวณี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกลุ่มได้ยึดกุญแจรถของตนเอาไว้ ก่อนที่จะไปทำการรื้อคนรถของตน ภายในรถมีปืนบีบีกันหนึ่งกระบอก กับมีดดาบของแฟนหนุ่มของตนอีก 1 เล่ม

จากนั้นจะให้ตำรวจชุดจับกลุ่มได้นำตัวตนมาที่ สภ.ถลาง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 6 กิโลเมตร โดยมีสารวัตรซึ่งเป็นตำรวจไซเบอร์ ตนจำได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักถลางเรียกกันสารวัตรตี๋ ต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมคือ สารวัตรได้เข้ามากระซิบข้างหูตนว่ามีเงินเท่าไหร่ก็บอกผู้กองไป ตนก็ยกมือไหว้พร้อมกับบอกว่าตอนนี้ไม่มีเงินเลย จากนั้นผู้กองก็บอกกับตนว่าอันนั้นมันเป็นเรื่องของเธอ มีงานตั้งเยอะแยะทำไมไม่ทำ ตนจึงบอกผู้กองไปว่าถ้างานปกติมันมีเงินเยอะต้นก็อยากจะทำ แต่ตอนนี้ตนเดือดร้อนหนักต้องเลี้ยงลูก ต้องเลี้ยงแม่ที่อายุมากแล้ว ทุกอย่างเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าที่ตำรวจไม่ฟังเสียงของตนเลย แม้จะอ้อนวอนเท่าไหร่ พูดอย่างไรไม่มีใครฟังแล้ว

หญิงสาวกล่าวอีกว่าจากนั้นเจ้าหน้าที่ซึ่งเธอเรียกว่าสารวัตรก็เข้ามาบอกว่าหาเงิน 20,000 ได้หรือไม่ เธอได้บอกไปว่า หาไม่ได้ ไม่มีเงิน ต่อมามีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งเห็นชัดเจนว่าเขาตัวอ้วนกว่าทุกคนได้แนะนำว่า มีคนรับจำนำรถ ถ้าเอารถยนต์ไปจำนำ เขาจะดำเนินการให้เลยเดี๋ยวนี้ และเขาก็โทรศัพท์ติดต่อให้คนรับจำนำรถเข้ามาหา พร้อมกับเอกสารการกู้เงินจำนวน 50,000 บาท ทั้งที่ตอนแรกบอกว่า 20,000 แต่ทำไมกลายเป็น 50,000 ตอนนั้นเธอไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรสัญญาเขียนแล้วก็ต้องจำยอม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ปล่อยตัวเธอพร้อมกับขับรถของเธอมาส่งตนถึงที่บ้าน หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบหายไป เธอไม่ได้ขึ้นศาล ไม่มีการเสียค่าปรับ

“ทราบจากเพื่อนที่กรุงเทพฯ ว่าทำงานแบบตอนนี้ถ้าเสียค่าปรับก็แค่ 500 บาทเท่านั้น แต่ที่ภูเก็ตทำไมต้องเสีย 50,000 บาท ตอนนี้ยังทำงานเพื่อที่จะหาเงินใช้หนี้ที่กู้มาถ่ายรถคืนอยู่เลย” เธอกล่าว

น.ส.แอม กล่าวอีกว่าตนคิดว่าเรื่องนี้มันไม่น่าจะปกติ เพราะเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่บอกตนว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ซึ่งตนจำได้ว่าเป็นตำรวจชุดเดิมที่จับกุมตนเมื่อปีที่แล้ว ทั้งสองคนเข้ามาไม่ได้พูดอะไร แต่พยายามดึงมือตนขึ้นรถแต่ตนกระชากมือกลับ แล้วตนก็วิ่งหนีเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผู้ชายอ้วนกับสารวัตรเอาไว้เป็นหลักฐาน

หลังจากนั้นสารวัตรกับเจ้าหน้าที่คนอ้วนก็บอกกับแม่ของตนว่าให้ระวังตัวไว้นะตำรวจจะออกหมายจับ พร้อมกับมาพูดกับตนว่าให้รอหมายจับ ในความรู้สึกของตนตอนนี้ตนคิดว่าตำรวจเรียกเงินไป 50,000 บาท แล้วและยังจะมาเอาอีกโดยการโชว์คลิปที่ตนเป็นวีเจ ซึ่งตนได้ปรึกษารุ่นพี่แล้วว่าการทำแบบนี้มันไม่ผิดกฎหมาย แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ยังเข้ามาคุกคามรีดเงินจากตนอีก จึงทำให้วันนี้ตัดสินใจเข้าพบสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม และพร้อมเปิดโปงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ทั้งแก๊ง

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่