หนุ่มหัวร้อนคว้าเหล็กบุกทุบรถทำร้ายร่างกายคนขับต่อหน้าลูกเมียขณะพาลูกตัวร้อนไป รพ.

ภูเก็ต - เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 66 เวลาประมาณ 17.30 น. ร.ต.ท.หญิง จิตรทิวา ธนะวิทวิลาศ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทและทำให้เสียทรัพย์ เหตุเกิดหน้าร้านอาหารอีสาน ถนนศักดิเดช ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต จึงได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 25 เมษายน 2566, เวลา 16:35 น.

เมื่อไปถึงพบรถยนต์กระบะขนของสีขาว ทะเบียนขอนแก่น ขับขี่โดย นายสุริยา แก้วโสภา อายุ 30 ปี มี น.ส.วันวิสาข์ พลรบ ภรรยา และบุตร อายุประมาณ 2 ขวบเศษ นั่งโดยสารเบาะหน้าข้างคนขับ

จากการสอบถามพฤติการณ์ทราบว่า ได้มีชายทราบชื่อภายหลังคือ นายณรงค์ ปินตา อายุ 30 ปี (ชายสวมใส่เสื้อสีแดงในคลิปที่มีการแชร์ในโซเชียล) ได้ใช้ท่อนเหล็กสีเงินยาวประมาณ 70 ซม. ทุบบริเวณกระจก และทุบที่บริเวณแขนของนายสุริยาฯ ได้รับบาดเจ็บ
ภายหลังเกิดเหตุนายณรงค์ผู้ก่อเหตุ และนายมอย ปินตา (บิดาของนายณรงค์ฯ ผู้ร่วมก่อเหตุ) เข้าพบพนักงานสอบสวนให้การรับว่าตนเองเป็นบุคคลที่ได้ทุบรถและทำร้ายร่างกายนายสุริยาฯ จริง

พนักงานสอบสวนได้ถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุ ทำแผนที่สังเขปไว้แล้ว สอบถามปากคำเบื้องต้นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไว้แล้วและได้นัดให้เข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายสุริยา กล่าวว่า ตนขับรถออกจากบ้านมาปกติ แต่ทางพ่อของคู่กรณีบอกว่าตนไปปาดหน้าเขา ตนไม่ได้จอดคุยด้วย เพราะกำลังรีบพาลูกไปโรงพยาบาลเนื่องจากมีไข้สูง พอมาถึงแยกไฟแดงจุดแรก เขามาเคาะกระจกตนและด่าตนว่าไปปาดหน้าพ่อเขา ตนก็ถามว่าไปปาดหน้าเขาตอนไหน แต่เขาก็ไม่ตอบ เขาก็ต่อว่าตน ตอนนั้นตนไม่มีอะไรจะคุยก็เลยขับรถออกมา ได้ไม่ไกลทางคู่กรณีก็ประกบรถทางซ้ายและขวา ตนเบี่ยงซ้ายนิดหนึ่งตามคลิป ตอนนั้นรู้สึกรำคาญและโมโหด้วยเพราะรีบพาลูกไปโรงพยาบาล พอถึงสี่แยกไฟแดงใหญ่รถตนติดอยู่ไฟแดง คู่กรณีได้หยิบเหล็กมาทุบหน้ากระจกรถของตน พอทุบกระจกหน้าไม่แตกก็เลยมาทุกด้านข้าง และนำเหล็กมาแทงเพื่อจะทุบหน้าตน จากนั้นผู้เป็นพ่อได้เข้ามาฉุดกระชากตนลงมาจากรถ กำลังถ่ายคลิปอยู่ในรถ เขาก็กระชากโทรศัพท์ตนโยนทิ้ง พอหยิบโทรศัพท์ออกจากรถมาได้ ตนก็วิ่งไปริมถนน ฝ่ายลูกชายตามไปตีตนอีก

“เขาเล็งตรงที่หัว แต่ใช้แขนป้องกันไว้ หลังจากนั้นมีพลเมืองดีมาช่วยห้าม เขามาดึงตัวไปขึ้นรถ ทางคู่กรณีไม่ยอมแล้วจะเดินไป ทุบรถพลเมืองดีที่มาช่วยอีก พลเมืองดีก็เลยรุมจับเขาไว้ไม่ให้เขาไปทุบรถ” นายสุริยา กล่าวและเล่าต่อไปว่า ในขณะเดียวกันคนของร้านอาหารได้มาเรียกตนกับแฟนให้ไปหลบหลังร้าน ผู้ก่อเหตุก็ยังมาตามหาตนอีกรอบแต่ไม่เจอ พยานบอกว่าเขาถืออาวุธมีดมาด้วย 2 เล่ม เขาเดินวนอยู่แถวนั้นสักพักหนึ่ง พอตำรวจมาเขาก็ไป หลังจากเกิดเหตุการณ์ตนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลดีบุก ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าแขนไม่หักแต่ผิดรูป

“หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ไปแจ้งความ เจอคู่กรณีเดินลงจากโรงพักพอดี เขาไม่ได้พูดอะไร เราก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขา ตอนขึ้นไปแจ้งความตำรวจให้กลับไปก่อนเพราะว่าลูกตัวร้อนไม่สบาย ในวันนี้จึงมาแจ้งความและขอสำนวนจากตำรวจด้วย ในสำนวนเขียนไว้ว่ากระทำการในความผิดฐาน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายร่างกาย แต่ถ้ามันไม่ยกแขนขึ้นกัน อาจจะโดนพยายามฆ่าด้วย อยากฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนน ช่วงนี้อากาศร้อนโลกร้อนทำให้คนเป็นบ้า ไม่ตั้งใจโยกใส่เขาแต่ก็รำคาญ เพราะเขาขับรถเบียดซ้ายเบียดขวา” นายสุริยา กล่าวและยืนยันในด้านคดีตนจะไม่ยอมความ ไม่ไกล่เกลี่ย และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

“เพราะมันเป็นเหตุฉกรรจ์เกิน ในรถมีเด็กอยู่ด้วยแต่เขาไม่เห็นแก่เด็กเลย เขาไม่คิดว่าจะโดนเด็กด้วย” เขากล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่