หลายฝ่ายรังวัดที่ดินธนารักษ์หาดบางเทา 72 ไร่ เกือบพันล้าน หลังขัดแย้งฟ้องร้องสิทธิ 

ภูเก็ต - ตำรวจ-ทหาร-ฝ่ายปกครองลงพื้นที่รังวัดที่ดินธนารักษ์ หาดบางเทาภูเก็ต เนื้อที่ 72 ไร่ มูลค่าเกือบพันล้าน หลังมีการขัดแย้งครอบครอง จนเป็นที่มาการฟ้องร้องสิทธิทำมาหากินบนที่ดินผืนนี้ 

เอกภพ ทองทับ

วันศุกร์ ที่ 25 มีนาคม 2565, เวลา 13:28 น.

เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.65) ที่บริเวณหาดบางเทา ม.2 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายไอศูรย์ สุธรรมเทวกุล ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต พ.ต.อ.จุมพล คณานุรักษ์ ผกก.สภ.เชิงทะเล พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ แปลงที่ดินราชพัสดุ แปลง ภก.263 (บ้านบางเทา) เพื่อทำการรังวัดตามคำสั่งศาลจังหวัดภูเก็ต กรณีพิพาท ระหว่างทายาท นายมิ่ง หมั่นสู้ ได้แจ้งความการบุรุกที่ดิน

เนื่องจากแผนที่ที่แจ้งความไม่ชัดเจน ศาลจังหวัดภูเก็ตได้สั่งให้มาทำการรังวัด ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ลงมาก็มาดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากมีการอ้างสิทธิครอบครอง จนเป็นประเด็นพิพาท ซึ่งมูลค่าที่ดินตรงนี้มีมูลค่าสูง ทำเลสวยติดชายหาดดังที่ก่อนหน้านี้มีการประชุมร่วมมาแล้ว

นายรักชาติ หมั่นสู้ กล่าวว่า ที่ดินตรงนี้เรียกว่า กพ- 23 บ้านบางเทา ซึ่งแปลงนี้ชาวบ้านได้มาอยู่ในพื้นที่นี้ประมาณ 900 กว่าราย 700 กว่าแปลง เมื่อก่อนเป็นสัมปทานเหมืองแร่ปี 2520 ชาวบ้านก็มาอยู่เต็มพื้นที่ ถึงที่นี้ทางธนารักษ์ ก็มีมติร่างจะขายคืนให้ชาวบ้าน โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือทายาทเดิม กลุ่มที่ 2 คือครอบครองเกิน 30 ปี และกลุ่มที่ 3 ก็คือให้เช่ามี 11 รายชื่อ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2529

“ทางผมเป็นเจ้าของที่ตรงนี้ได้ให้บริษัทบูติคมาเช่า หลังจากนั้นทางบูติคมาได้แบ่งเป็นล็อคจัดสรรให้ชาวบ้านมาเช่าทั้งหมดประมาณ 24 ราย จึงทำให้เกิดการบุกรุกกันเกิดขึ้น ไม่ใช่การบุกรุกธรรมดา เพราะเป็นการบุกรุกแบบใช้อิทธิพลต่าง ๆ ข่มขู่ปรับปรุงพื้นที่ทุกอย่าง โดยที่ทางผมเป็นผู้ถูกกระทำมาโดยตลอด ทางผมเข้าไปไม่ได้เลย ลูกน้องผมเข้าไปปุ๊บก็มีการเกิดการชกต่อยกันตลอดเวลา ผู้บุกรุกที่เหลือผมได้ทำการฟ้องร้องไปทุกรายให้รื้อถอนให้หมดทุกราย เพราะว่าที่ดินเป็นของธนารักษ์ ซึ่ง ตามมติของรัฐมนตรีจะได้เป็นกรรมสิทธิ์เองในอนาคต” นายรักชาติ กล่าว

“ตอนนี้เรื่องทั้งหมดผมร้องไปยังสำนักนายก สำนักนายกมีคำสั่งให้ท่านผู้ว่าฯ ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะทุกภาคส่วนระดับหัวหน้าลงพื้นที่เอง ทำให้ผมมั่นใจว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้น ชาวบ้านจะได้ทำมาหากิน ชาวบ้านบางส่วนที่ลงพื้นที่ผมให้ทำกินโดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะสถารการณ์โควิด-19 แต่กลุ่มคนบางกลุ่มเรียกทรัพย์เรียกเงินจากเขาเอาสแลนดำไปกั้น เพื่อกดดันไปให้เขาจ่ายค่าเช่า ซึ่งทางผมอนุญาตให้เขาทำชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อไหร่ที่ต้องการพื้นที่พวกเขาก็จะออกไป” นายรักชาติ อธิบายเพิ่มเติม

ในขณะที่คู่กรณี นายธนพล สำราญ ผู้ที่ถูกฟ้องบุกรุกตามคำฟ้องคดีดำที่ 301/2565 เปิดเผยว่า ที่แปลงนี้เป็นของ นางไลร่า สำราญ ซึ่งเป็นแม่ของตน

“เมื่อก่อนทำร่อนแร่อยู่แถวนี้ เป็นที่ราชพัสดุแปลง 23 ทำอยู่ประมาณปี 2520 หลังจากนั้นผมโตขึ้นก็ได้รับมอบการครอบครองต่อมา ปี 2548 ผมได้เปิดร้านขายอาหาร ผมเป็นเด็กพื้นที่ ผมเริ่มทำมาหากิน หิ้วกระติกขายเครื่องดื่มให้กับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่อายุ 8 ปี ขายอยู่แถวนี้มาตลอด คนเขาเรียกว่าเด็กหน้าหาด จากนั้นในปี 2560 ได้มีบริษัทบูติคโฮเต็ล โดยคุณมนัสนันท์ นรารัตน์วันชัยและพวกเข้ามาในที่แปลงนี้ โดยเข้ามาอ้างสิทธิ์ในที่ดิน อ้างว่าได้เช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดินแล้ว และได้นำที่ดินให้ชาวบ้านเช่า” นายธนพล อธิบาย

“ชาวบ้านบางคนเขายอม แต่บางคนเขาไม่ยอม อย่างผมผมก็ไม่ยอม เพราะทำมาหากินตั้งแต่รุ่นแม่ พอไม่ยอมก็เกิดการขัดแย้งกัน ผมเองโดนกลั่นแกล้งอยู่เรื่อยมาและมีร้านอื่น ๆ ด้วย”

อย่างไรก็ตามการชี้จุดรังวัดไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมสถานการณ์ทำการรังวัดจนเสร็จ ซึ่งขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องที่ต้องให้อำนาจศาลเป็นผู้ตัดสินกับปมขัดแย้งครั้งนี้ที่ยืดเยื้อมานาน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่