เมื่อเวลา 19.00 น. วานนี้ (23 เม.ย.65) นายณชพงศ ประนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต เปิดเผยว่า ตามที่ได้รายงานเจ้าท่าได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่าเรือจอดที่ท่าเทียบไม่มีคนอยู่ที่เรือ สาเหตุปรากฏว่าได้มีการต่อไฟ 220 โวลท์ไปที่เรือแล้วสวิตช์ยังออนอยู่ สอบถามจากพยานแวดล้อมเบื้องต้นเชื่อว่าสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้จะเชิญผู้เกี่ยวข้องให้ดำเนินการกู้เรือมาภายใน 3 วัน จากนั้นจะขึ้นไปที่เรือเพื่อตรวจสอบว่าสาเหตุที่แท้จริง สำหรับถังน้ำมันต่าง ๆ ได้มีการปิดไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
“จากการตรวจสอบในพื้นที่ว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และสภาพอากาศร้อนด้วย และช่วงที่ผ่านมาสภาพของเรือที่ไม่ได้ใช้มานาน ซึ่งอันนี้เป็นข้อสันนิษฐานตอนนี้เรือได้จมลงไปเป็นเรือคาตามารัน จดทะเบียนเมื่อปี 57 ตอนนั้นมายื่นหลักฐานของเรือประมาณ 16 ล้านบาท ใช้ไปแล้วประมาณ 7 ปี คาดว่าน่าจะความเสียหายไม่เกิน 10 ล้านบาท ผมได้เชิญทีมกู้เรือเข้าไปว่าเรือดังกล่าวกีดขวางร่องน้ำหรือไม่ เรือลำนี้จอดห่างจากลำอื่นและขวางร่องน้ำหรือไม่ ซึ่งจะลงมือกู้ในวันจันทร์นี้ใช้เวลาประมาณ 3 วันแล้วจะนำเรือไปที่พรีเมียร์ชิพยาร์ทไม้ขาว” นายณชพงศ กล่าว
“สอบถามทางผู้จัดการในเบื้องต้น หลังจากที่ได้แจ้งเหตุแล้วได้เข้าไประงับเพลิงไม่ทันท่วงทีหรือไม่ ทางผู้จัดการท่าเรือก็ได้ยืนยันว่าเข้าไปทันท่วงที และได้มีการใช้ทั้งน้ำทั้งถังดับเพลิงที่เหลือและของมารีน่าเอง แต่เนื่องจากว่าเรือที่เกิดเพลิงไหม้อยู่ด้านในถังดับเพลิงเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุได้ยาก ก็ทำให้มีการควบคุมเรือทำไปได้ยาก อย่างไรก็ตามจะได้เชิญผู้จัดการท่าเทียบเรือเชิญผู้บริหารท่าเรือและผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง ในกระบวนการดับเพลิงต่าง ๆ”
อย่างไรก็ตาม ผอ.เจ้าท่าฯ ภูเก็ตเปิดเผยอีกว่า เหตุเพลิงไหม้เรือยอชท์บ่อยครั้งทำให้เกิดความกังวลใจถึงมาตรการต่าง ๆ ในอนาคตคาดว่าจะมีการเชิญผู้บริหารมารีน่าทั้ง 5 แห่งของราชการและเอกชนเข้ามาพูดคุยซักซ้อมและให้ส่งแผนการมาตรการระงับเหตุอัคคีภัย
“ทางเราจะได้เชิญประชุมผู้เกี่ยวข้องเข้ามาฝึกซ้อมเตรียมความพร้อม เพื่อสร้างความมั่นใจและไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน” นายณชพงศ กล่าว
