ซึ่งทำให้เกิดความคิดเห็นและคำถามมากมาย เช่น มันคือการทารุณกรรมสัตว์ป่า, ลูกสิงโตควรอยู่กับแม่และฝูงในที่ที่มันควรจะอยู่ แต่ไม่ใช่ในร้านคาเฟ่ จึงส่งผลให้มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบดังกล่าว อย่างไรก็ตามชาวโซเชียลบางรายก็ต้องการไปเห็นลูกสิงโต และเชื่อว่าไม่ได้เป็นการทรมานสัตว์แต่อย่างใด
ล่าสุดวันนี้ (12 ก.พ.) นายชินเทพ กังเฮ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว พร้อมด้วยร.ต.ท.บุญพบ ทินบุตร รอง สวป.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และชุดสายตรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้เดินทางไปตรวจสอบร้านกาแฟ เดอะ กลาสเฮาส์ คาเฟ่ แอนด์ สเปซ ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.รัษฎา อ.เมือง ได้ตรวจภายในร้านมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการจำนวนมาก และได้พบกับนายคาย ชาวจีน ซึ่งเป็นเพื่อนของเจ้าของคาเฟ่ดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวมายัง สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อทำการสอบสวน ในเบื้องต้นทราบว่า สิงโตตัวดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ต.ฉลอง ซึ่งได้ซื้อมาจากกรุงเทพฯ เป็นเวลา 15 วันแล้ว และได้นำมาโชว์ให้นักท่องเที่ยวชมประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วจะนำกลับไปเลี้ยงดูที่บ้านพัก ในพื้นที่ ต.ฉลอง แต่เจ้าหน้าที่ได้พยายามสอบถามนายคาย ชาวจีน ได้พูดจาภาษาไทยได้ไม่มากนัก เพียงแต่บอกว่าเจ้าของสิงโตอยู่ที่จังหวัดกระบี่จะกลับมาในคืนนี้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงได้เข้าพบ พ.ต.อ.ประเทือง ผลมานะ ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต และจะประสานไปยัง ผกก.สภ.ฉลอง อีกครั้ง ก่อนรวบรวมหลักฐานออกหมายค้นบ้านที่เก็บตัวสิงโตไว้ และจะได้ตรวจสอบการนำเข้ามาในพื้นที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หรือมีการเคลื่อนย้ายสิงโตหรือไม่ เพราะสิงโตเป็นสัตว์ป่าควบคุม
ทางด้าน นายชินเทพ กังเฮ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบในเบื้องต้น แต่ยังไม่พบสิงโตจึงยังไม่ทราบว่าสิงโตมาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะสิงโตเป็นสัตว์ควบคุมตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าปี พศ.2562 ซึ่งต้องได้รับอนุญาตให้ครอบครอง และต้องเลี้ยงดูที่สถานที่แจ้งการครอบครอง
นายชินเทพกล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นยังไม่เห็นเอกสารแต่ส่วนมากสิงโตจะมีการซื้อขายกันตามฟาร์ม และฟาร์มก็ต้องมีใบอนุญาตการเคลื่อนย้าย ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ในการเคลื่อนย้าย ตอนนี้ได้เข้ามาดูที่เกิดเหตุคาเฟ่ที่เป็นข่าวแต่ไม่พบสิงโตแล้ว จึงได้ประสานไปกับเจ้าของคาเฟ่ เพื่อให้นำสิงโตและเอกสารเกี่ยวกับสิงโตมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งประสานไปยังตำรวจท้องที่ด้วย เพื่อได้ออกหมายเรียกมาสอบถามเพิ่มเติมอีกครั้ง
