อาคารดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์ร้าง 4 ชั้น กำลังปรบปรุงตกแต่งทำเป็นโรงแรม บริเวณลานจอดรถด้านหน้าพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของผู้ต้องสงสัยจอดอยู่ 1 คัน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในอาคารพบว่าสายไฟฟ้าถูกตัดได้รับความเสียหาย
ระหว่างนั้นพบว่า นายสมชาย เจียมเหมือนเที๊ยะ อายุ 30 ปี เดินมาเพื่อจะขับรถคันดังกล่าวออกไปจึงควบคุมตัวไว้สอบสวน จากนั้นได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าคล้ายกับคนร้ายที่มาขโมยสายไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด นายสมชายให้การรับสารภาพว่าตนได้เข้ามาก่อเหตุขโมยสายไฟฟ้าจริง และในระหว่างนั้นเห็นผู้หญิงเดินเข้าออกบริเวณดังกล่าว ก็ได้ทำการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองแล้วนำสายไฟไปขาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางวาสนาเกิดโมโหอย่างหนัก พร้อมกระโดดถีบผู้ต้องหาไป 2 ครั้ง ก่อนจะเดินไปคว้าท่อนเหล็กมาเพื่อทำร้ายนายสมชาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามปรามเอาไว้ได้ทัน
ทางด้านนางวาสนา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เปิดเป็นอพาร์ทเม้นท์และเปิดเป็นร้านซักรีด ต่อมามีแนวคิดจะสร้างเป็นโรงแรม ซึ่งได้ขออนุญาตกฎหมายสิ่งแวดล้อมผ่านแล้ว และจะสร้างเร็ว ๆ นี้ โดยอาคารดังกล่าวปิดล็อคประตูจากด้านหน้า แต่คนร้ายได้แอบเข้าไปบริเวณทางเข้าบ้านของตน แล้วเข้าไปขโมยสายไฟฟ้า ซึ่งวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะขนสายไฟฟ้าใส่กระสอบปุ๋ยออกจากอาคารได้
ตนจึงได้จับตาความเคลื่อนไหว เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันนี้คนร้ายกลับมาก่อเหตุอีกและสามารถควบคุมตัวไว้ได้
ซึ่งในขณะที่คนร้ายให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าเคยก่อเหตุดังกล่าวจริง และเคยช่วยตัวเองใกล้บ้านของตน ขณะเห็นสาว ๆ เดินผ่าน ตนจึงเกิดความโมโห เมื่อได้ฟังคำรับสารภาพของผู้ต้องหาจึงกระโดดถีบไป
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ ยังไม่มีการยืนยันว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นคนเดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุตัดระบบไฟฟ้าอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บายพาส) พร้อมทั้งขโมยแอร์จำนวน 6 ตัว และพบว่ามีกงเกงชั้นในของผู้หญิงตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
