เตรียมกวาดล้างนอมินีจ้างไทยสวมชื่อทำธุรกิจเที่ยวในภูเก็ต สาเหตุของเรือไร้มาตรฐานด้านความปลอดภัย

ภูเก็ต – รอง ผบช.ทท. เผยทางการไทยเตรียมบูรณาการร่วมกวาดล้างนอมินีทำธุรกิจท่องเที่ยว ในส่วนของทางการจีนก็จะได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วยด้วย และขอให้หน่วยงานทั้งของไทยและจีนพยายามค้นหาชาวจีนอย่างเต็มที่จนครบทุกคน

โพสต์ทูเดย์

วันจันทร์ ที่ 9 กรกฎาคม 2561, เวลา 16:03 น.

ภาพ โพสต์ทูเดย์

ภาพ โพสต์ทูเดย์

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า เตรียมกวาดล้างนายทุนต่างชาติจ้างคนไทยเป็นนอมินีทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ทั้งเรือนำเที่ยวและรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว ที่ทำให้เกิดปัญหาผู้ประกอบการไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรือ ไม่คำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย คิดแต่เรื่องกำไรเป็นหลัก หากปล่อยไว้ในอนาคตอาจจะทำให้จะเกิดเรือล่มซ้ำรอยอีก สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย โพสต์ทูเดย์ รายงาน

“ภูเก็ตมีเจ้าของธุรกิจเป็นคนต่างชาติโดยให้คนไทยเป็นนอมินีกว่า 10 แห่ง ซึ่งจะต้องใช้มาตรการภาษีเข้ามาดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทดังกล่าว” รอง ผบช.ทท. กล่าว

ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจนี้อย่างเร่งด่วน การติดตามช่วยเหลือค้นหา และทางคดีจะไม่ละเว้นใคร ให้ตรวจสอบเข้มงวด ระวังเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ในส่วนของทะเบียนเรือและใบอนุญาตการใช้เรือฟีนิกซ์ และเรือเซเรนาต้า รวมถึงใบประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถของผู้ควบคุมเรือทั้ง 2 ลำนั้น นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า ยืนยันว่าได้ยกเลิกทั้งหมดแล้ว

นายหลู่วเจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานของไทยและจีนพยายามอย่างเต็มที่ในการค้นหาชาวจีนให้ครบทุกคน ส่วนเรื่องของคดีซึ่งมีการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทางการจีนจะส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมการสอบสวนหาสาเหตุด้วย

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ที่จังหวัดภูเก็ต ในการชี้แจงถึงแนวทางการความคืบหน้าการคลี่คลายคดี เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเรือล่ม และดำเนินการกับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 2 ลำ โดยระบุว่า ตัวเลขผู้สูญหาย-เสียชีวิตต้องชัดเจน เพราะมีผลทางกฎหมาย (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่