นพ.วีระศักดิ์ ได้แถลงข่าวชี้แจงให้กับสื่อมวลชนรวมทั้ง น.ส.อัจฉรา จันทราช และ นายจักรกฤช นิ่มหนู พ่อและแม่ของเด็กที่มารอฟังการแถลงข่าวว่า ตามที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้รับเด็กเข้ารักษาในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิด ด้วยเรื่องสำลักน้ำคร่ำหายใจเหนื่อย และมีภาวะพร่องออกซิเจน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 65 นั้น ได้รับการรักษาด้วยการให้ออกซิเจน สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และยาปฏิชีวนะ ทารกสามารถเคลื่อนไหวแขนขาสองข้างได้ตามปกติ แขนขาไม่ผิดรูป
โดยเหตุการณ์ในวันก่อนและหลังเกิดเหตุ
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ชั่งน้ำหนักทารก ยังพบว่าสามารถขยับแขนขา ทั้งสองข้างได้ตามปกติ หลังจากนั้น เวลา 22.00 น. มีการวัดสัญญาณชีพ ระดับออกซิเจน และให้นมตามเวลา พบว่าทารกดิ้น จึงห่อตัวทารกแบบตรึง 3 ตำแหน่งไว้ (แขน ลำตัว และ ขา) ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย. เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่คลายผ้าห่อตัว เปลี่ยนเป็นห่อด้วยผ้าผืนเดียว วัดสัญญาณชีพ ให้นมทารก โดยไม่ได้ประเมินการเคลื่อนไหว เนื่องจากทารกหลับ เวลา 06.00 น. วัดสัญญาณชีพ และให้นมทารก โดยไม่ได้ประเมินการเคลื่อนไหว เนื่องจากทารกหลับ เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่จะอาบน้ำให้ทารก พบว่าทารกไม่ขยับแขนข้างซ้าย แขนซ้ายอยู่ในท่าศอกเหยียด ตันแขนบิดเข้าหาแนบกับลำตัว จึงได้ปรึกษากุมารแพทย์ประเมินและตรวจร่างกาย ไม่พบรอยฟกช้ำเขียว หรือบาดแผลบริเวณผิวหนังของเด็ก หรือบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย ได้ปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ มาตรวจดูอาการและให้ถ่ายภาพรังสีแขนซ้าย พบว่ากระดูกต้นแขนข้ายหัก แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ ได้รักษาโดยยึดตรึงแขนซ้ายไว้
ในเบื้องต้นได้สรุปว่า เนื่องจากไม่พบร่องรอยฟกช้ำ หรือบาดแผลภายนอก จึงสันนิษฐานว่า สาเหตุที่ทำให้กระดูกแขนซ้ายของทารกหัก มาจากการที่ห่อตรึงไว้ โดยเฉพาะบริเวณแขนที่บิดหมุนแนบลำตัวค่อนไปทางด้านหลังและมีแรงกระแทกบริเวณศอกจากการยกและวางทารก โดยแนวทางการรักษากระดูกต้นแขนซ้ายหัก แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อได้ให้การรักษา ด้วยวิธีการที่ทำให้ทารกสบายตัวมากที่สุด โดยแพทย์ใช้วิธีการใช้ผ้าดามยึดแขนที่หักไว้กับลำตัวเด็กเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าเฝือก หรือผ่าตัด เนื่องจากกระดูกของทารกจะมีการเชื่อมประสานกันเอง และจะนัดติดตามอาการหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาล
นพ.วีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า “โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ขอแสดงความเสียใจและขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลได้ดำเนินการทบทวนเหตุการณ์เบื้องต้น และจะตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อนำมาพัฒนาระบบการดูแลรักษาให้มีคุณภาพและเกิดความปลอดภัยต่อผู้ป่วย”
ด้านนายจักรกฤช กล่าวว่า “หลังจากที่ได้รับฟังการแถลงข่าววันนี้ ก็ยังไม่มั่นใจ เพราะเหมือนกับที่ได้พูดคุยกันเอาไว้ เป็นเรื่องเดิม ๆ ว่าการรักษาต่อไปจะทำอย่างไร แต่ว่าสาเหตุเขายังตอบไม่ได้ ต้องตรวจสอบก่อน คนเป็นพ่อก็รู้สึกท้อ ถามไปก็ตอบไม่ได้สักอย่าง ก็จะรอดูว่าเขาจะช่วยอย่างไรบ้าง อยากให้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรมาว่าจะทำอย่างไร จะรักษาลูกอย่างไรบ้าง”