สำหรับเหตุเรือสปีดโบ๊ทนำเที่ยวชนเสาสัญญาณไฟกลางทะเล นายประภาส ไกด์ที่เดินทางมากับเรือลำดังกล่าว ได้เล่าเหตุการณ์ให้ นายอดูลย์ ระลึกมูล เจ้าพนักงานตรวจเรือชำนาญการ ฟังว่า เรือลำดังกล่าวไปทริปเกาะพีพี อ่าวมาหยา เกาะแบมบู เกาะไข่และเกาะไม้ท่อน ออกเดินทางจากท่าเรืออ่าวฉลอง เวลา 08.00 น. และกลับเข้าท่าเรือประมาณ 16.30 น. เหตุเกิดหลังจากกลับจากเกาะไม้ท่อน ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ไม่มีสัญญาณอะไรเลย นั่งเรือมาทุกอย่างปกติแต่อยู่ ๆ เรือก็ชน ส่วนสาเหตุไม่แน่ใจเลยว่าเกิดจากอะไร เพราะในระหว่างที่เดินทางมาเรือก็เดินปกติดีไม่มีสัญญาณความผิดปกติแต่อย่างใด
กระทั่งเมื่อเวลา 19.25 น. ศูนย์บัญชาการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุฯ ได้ประกาศยุติการตั้งศูนย์ช่วยเหลือเหตุในครั้งนี้ และต่อมาในเวลา 20.30 น. ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วย พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พลตำรวจตรีเสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต, นางรัชดาภรณ์ โออิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้า
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต รายงานว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ประสบภัยจำนวน 37 รายเป็นคนไทย 4 ราย, รัสเซีย 21 ราย คาซัคสถาน 9 รายฮ่องกง 1 รายจีน 1 ราย, ยูเครน 1ราย
โดยเป็นผู้ป่วยแบ่งเป็นระดับสีขาว 2 ราย (คาซัคสถาน1 ราย ไทย 1 ราย) สีเขียว 13 ราย สีเหลือง 16 ราย และสีแดง 6 ราย( เป็นคนไทย 2 ราย และรัสเซีย) รักษาอยู่ในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 10 ราย โรงพยาบาลฉลอง 9 ราย โรงพยาบาลดีบุก 2 รายโรงพยาบาลสิริโรจน์ 5 ราย โรงพยาบาลกรุงเทพ 2 ราย โรงพยาบาลมิชชั่น 5 ราย และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 2 ราย
จากการตรวจสอบข้อมูลเรือประสบเหตุมี พ.ร.บ.เรือคุ้มครองการรักษาค่ารักษาพยาบาล 15,000 บาทต่อราย และผู้ประสบภัยมีการทำประกันอุบัติเหตุของบริษัทไทยพัฒนาประกันภัย ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ 5 แสนต่อราย
ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต, ตำรวจท่องเที่ยว, สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขาภาคใต้ เขต 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ล่ามมาอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้ประสบภัย และได้มีการประสานกงสุลของแต่ละประเทศที่มีผู้ประสบภัย เพื่อให้รับทราบข้อมูลและลงมาดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย
หลังจากนี้ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จะได้ดำเนินการสืบสวนทางด้านคดีเบื้องต้นได้มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่เรือไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอผลตรวจที่จะออกมา แล้วจะใช้เป็นหลักฐานข้อมูลประกอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
