‘คำรามจากป่า’สวนสัตว์ภูเก็ตโอนเสือให้มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ปรับพื้นที่เป็นสวนมะพร้าว

ภูเก็ต - เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา เสือโคร่งจำนวน 3 ตัวสุดท้ายและหมีควาย หรือ หมีดำเอเชียอีก 1 ตัว ได้ถูกนำตัวไปยังบ้านใหม่ในจังหวัดเพชรบุรี ภายใต้การดูแลของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับสัตว์ป่า

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันเสาร์ ที่ 18 มิถุนายน 2565, เวลา 09:00 น.

โดยเป็นสัตว์กลุ่มสุดท้ายที่ถูกเคลื่อนย้ายออกจากอดีตสวนสัตว์ภูเก็ต ที่ได้ปิดตำนานไปอย่างถาวรแล้ว และพื้นที่หลายสิบไร่ที่เคยเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนมะพร้าวเต็มพื้นที่

เมื่อต้นสัปดาห์ (13 มิ.ย.) นายสุริยะ ตันทวีวงศ์ อายุ 42 ปี เจ้าของสวนสัตว์ภูเก็ตและเป็นชาวภูเก็ตโดยกำเนิดเปิดเผยกับ ข่าวภูเก็ต ว่า ขณะนี้ได้ปรับพื้นที่อดีตสวนสัตว์ภูเก็ตทั้งหมดกว่า 30 ไร่ให้เป็นสวนมะพร้าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่คิดจะหวนกลับมาทำธุรกิจสวนสัตว์อีก แม้ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาดีอีกครั้งก็ตาม

“สวนสัตว์ภูเก็ตปิดตัวไปเลยครับ ตอนนี้ก็มีการปรับพื้นที่ปลูกต้นมะพร้าว พื้นที่สวนสัตว์เดิม 30 ไร่ เราได้มีการปรับทำเป็นสวนมะพร้าวทั้งหมด” นายสุริยะ กล่าว “ตอนนี้ก็ไม่มีสัตว์เหลือแล้ว เราได้หาบ้านให้สัตว์ทุกตัวเรียบร้อยหมดแล้ว และคงจะไม่กลับมาทำสวนสัตว์อีก”

สวนสัตว์ภูเก็ตปิดตัวลงอย่างถาวร หลังเปิดให้บริการมาเกือบ 30 ปี เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

“สวนสัตว์ภูเก็ตเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2539 สาเหตุหลักของการปิดตัวลงในครั้งนี้คือผลกระทบจากโควิด-19 เราเริ่มปิดในช่วงนั้นและไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากไม่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวเข้ามา” นายสุริยะ กล่าว

เมื่อสอบถามเจ้าของสวนสัตว์ถึงสิ่งที่อยากฝากเกี่ยวกับสวนสัตว์ภูเก็ตในความทรงจำ นายสุริยะไม่ขอกล่าวถึงอดีต ขอเพียงปรับตัวไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน

ทางด้าน นายเอ็ดวิน เจ วิค ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (WFFT) เปิดเผยกับ The Phuket News เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ว่า ทางมูลนิธิฯ ได้รับตัวสัตว์กลุ่มสุดท้ายของสวนสัตว์ภูเก็ตไว้ในความดูแลเรียบร้อยแล้ว

“สวนสัตว์ภูเก็ตได้ส่งมอบสัตว์ทั้งหมดให้กับเราอย่างเป็นทางการแล้ว เราได้ทำการเคลื่อนย้ายเสือไปแล้ว 11 ตัวและหมีอีก 2 ตัว ตอนนี้พวกเขาได้รับการดูแลและอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามธรรมชาติของทางมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าแล้ว” นายเอ็ดวิน กล่าว

เนื่องจากการไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวที่สวนสัตว์เป็นเวลาเกือบ 2 ปี เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทางสวนสัตว์ภูเก็ตจึงได้ขอความช่วยเหลือในการนำเสือโคร่งจำนวน 11 ตัว และหมี 2 ตัว ที่อยู่ในความดูแลของสวนสัตว์ภูเก็ตไปดูแลยังสถานที่แห่งใหม่

กรงเสือพร้อมและเปิดต้อนรับเหล่าบรรดาเสือโคร่งจากเกาะภูเก็ต บนพื้นที่ขนาด 9 และ 10 ไร่ ที่มีทั้งสระน้ำ ต้นไม้ และพื้นที่เพียงพอสำหรับให้สัตว์ป่าได้เที่ยวเดินเตร่ตามธรรมชาติ

“ตอนนี้กรงเสือทั้งหมดมีความพร้อมและได้เปิดประตูให้เสือได้เข้าไปเดินสำรวจแล้ว แต่พวกเรายังจำเป็นต้องสร้างกรงอีก 1 แห่ง ไว้ใช้สำหรับในกรณีที่สัตว์บางตัวไม่สามารถอยู่ร่วมกับตัวอื่นได้ โดยเสือโคร่งทั้งหมดนั้นอยู่รวมกันภายในพื้นที่ของกรงขังที่แบ่งออกเป็น 4 กรง”

“พวกเราให้อาหารเสือโคร่งเป็นเนื้อสัตว์วันละ 4-5 กิโลกรัม ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เป็นเนื้อไก่ และอาจจะมีเนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัน อย่างเช่น เนื้อหมูและเนื้อวัว” นายเอ็ดวิน อธิบายเพิ่มเติม “นอกจากนี้เรายังได้ทำการช่วยเหลือลิงแสม 6 ตัวและชะนีอีก 1 ตัวด้วย และในปัจจุบันพวกเรายังจำเป็นต้องเปิดรับเงินบริจาค เพื่อเป็นทุนสำหรับการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ในการช่วยเหลือสัตว์ต่อไป”

ร่วมบริจาคเพื่อระดมทุนในการดูแลสัตว์ของมูลนิธิฯ ได้ที่เว็บไซต์ของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ทางมูลนิธิฯ กำลังรอทุกท่านให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่า ให้กับเหล่าบรรดาสัตว์ป่าที่ทางมูลนิธิได้ทำการช่วยเหลือและดูแล เพื่อให้สัตว์ป่าเหล่านั้นได้ก้าวผ่านบาดแผลในอดีต ให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและกว้างใหญ่ตามธรรมชาติ

ปัจจุบันทางมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า มีโครงการมากมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ รักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพสัตว์ป่า รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล ตลอดจนการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายในการเป็นแหล่งพักพิงสำหรับสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมและถูกทอดทิ้ง

“พวกเราตั้งใจจะช่วยเหลือสัตว์ป่าที่เคยเป็นสัตว์เลี้ยง เพื่อนำมาฟื้นฟูและปล่อยคืนสู่ป่า นอกจากนี้ยังให้ความดูแลสัตว์ที่ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้อีกด้วย โดยทางมูลนิธิฯ จะเตรียมที่อยู่สำหรับสัตว์เหล่านี้ให้มีมาตรฐานและมีสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้”

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่