ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (15 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังอู่ซ่อมรถดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต ได้พบกับ นายดนัย ธเนศนินาท เจ้าของอู่ซ่อมรถ ซึ่งเป็นพ่อของเจ้าของอู่ที่รับซ่อมรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งหลังจากลูกชายได้ปิดอู่แล้วก็ได้นำรถคันดังกล่าวมาฝากไว้ในอู่ของตนซึ่งเป็นพ่อ
นายดนัย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ลูกชายตนแยกเปิดอู่ต่างหาก ส่วนการนัดรับงานกันวันไหน ราคาเท่าไหร่ ตนไม่ทราบ ความสัมพันธ์คือพ่อลูกแต่แยกกันทำมาหากินคนละอู่ หลังจากนั้นลูกชายตนล้มไปไม่รอดจึงนำรถมาฝากตนไว้ หลังจากนั้นข่าวออกไปก็กลายเป็นอู่ตนถึงแม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อ
“ลูกค้าประจำที่อู่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นอู่นี้ รับสายไม่ทันเลยในแต่ละวัน ส่วนตัวแล้วไม่เคยทำให้ชื่อเสียงเสียหายในด้านการทำงาน รู้สึกโกรธมากเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข่าวที่ลงไปแล้วมีคนรู้บ้างไหมว่าความเป็นจริงเป็นยังไง วันนี้จึงอยากพูดความเป็นจริงและอยากเจรจา ไม่อยากให้อู่เสียชื่อ”
นายดนัย กล่าวอีกว่า ตนได้พยายามส่งข้อความไปว่าทางเจ้าของรถต้องการอะไร สิ่งที่ทำไปแล้วคิดเงินมา และสิ่งที่เกินไปเท่าไหร่จะได้คืนเงินให้ “ส่งข้อความไปและเบอร์โทรไปคำตอบคือไม่คุย” ซึ่งตนเสนอตัวที่จะช่วย แม้ไม่ใช่เป็นคนทำ เพราะตนไม่ใช่คนรับงาน และยืนยันว่าแม้เป็นงานทิ้งก็สามารถหาจุดจบให้ได้ว่าทางเจ้าของรถต้องการ
นอกจากนี้นายดนัยระบุอีกว่า ตนอยากจะช่วยเรื่องนี้ให้จบ แม้จะไม่ใช่ความรับผิดชอบของตน
“เข้าใจเขาว่าเสียเวลามานานแล้วและรถก็ต้องใช้ ส่วนการสัญญาปรับวันละ 500 เราก็โอเค ถ้าลูกชายไม่จ่าย ผมก็ต้องจ่าย เพราะเห็นใจและเข้าใจหัวอกเขา ส่วนตัวแล้วไม่ได้เข้าข้างลูกชาย เราต้องการแก้ไขให้มันจบงานให้ได้ โดยสัญญาณนี้จะบีบรัดลูกชายไปในตัวให้เขารีบงาน สัญญาณนี้เซ็นเมื่อ 2 กรกฎาคม 65 จ่ายวันละ 500 จนถึงตอนนี้เรื่องรถที่ยังไม่เสร็จ ต้องถามย้ำลูกชายอีกว่าทำไมรถถึงยังทำไม่เสร็จ” นายดนัย กล่าว