จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 30 ส.ค.60 พนักงานสอบสวน สภ.ฉลองได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกบ้านของเยเลน่า ฮาเรนโค อายุ 52 ก่อนชักปืนยิงเจ้าบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้ยกตู้เซฟพร้อมทรัพย์สินต่างๆไป (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังชุดสืบสวนร่วมกันหาข้อมูล จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา คือนายชิจิโอเค เจมส์ ชุกวูนเวกิ อายุ 27 ปี สัญชาติไนจีเรียได้อย่างรวดเร็ว ที่บ้านเลขที่ 68/42 ซอยใจเหล็ก-สามัคคี 2 หมู่ 7 ต.ราไวย์ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
“ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำงานกันอย่างหนัก เนื่องจากคดีนี้เป็นเหตุอุกฉกรรจ์ และคนร้ายได้กระทำการอย่างอุกอาจ ได้รับความสนใจจากประชาชน จากการสืบสวนติดตามคนร้ายทราบว่าคนร้ายรายนี้คือนายเจมส์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ ข้อหาความผิดฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าผู้เสียหาย ลงวันที่ 31 ส.ค. 60” พล.ต.ต. ธีระพล กล่าว
รายงานการแถลงข่าวระบุว่า จากนั้น ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นและหมายจับไปยังบ้านของผู้ต้องสงสัย สามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ทั้งหมด 92 รายการ และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดี พร้อมด้วย น.ส. ศศิภา หรือ ปุ้ย นครไธสง อายุ 33 ปี ข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร (ความผิดซึ่งหน้า จับได้พร้อมของกลาง) เนื่องด้วย น.ส.ศศิภา เป็นผู้นำของกลางโน้ตบุคไปส่งพัสดุไปรษณีย์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดมาได้
ในส่วนของกล่องพัสดุนั้น พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.ฉลอง อธิบายว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่ารถยนต์ต้องสงสัยเข้าไปใช้บริการ ณ ที่ทำการไปรษณีย์แห่งหนึ่ง จึงได้ของอำนาจศาลขอหมายตรวจค้นกล่องพัสดุดังกล่าวจนทราบว่า ของของในคือคอมพิวเตอร์โน้ตบุคของเยเลน่าผู้บาดเจ็บ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการแถลงข่าว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมิได้ให้การเพิ่มเติม ส่วน น.ส.ศศิภา ก็มิได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด
พล.ต.ต. ธีระพล กล่าวว่า น.ส.ศศิภา มีลูกกับนายเจมส์เป็นเด็กชายวัย 4 เดือน และน.ส.ศศิภาเองมีลูกชายวัย 6 ขวบอีก 1 คน ที่เกิดจากสามีเก่าชาวไนจีเรีย และแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเกลี้ยกล่อม น.ส.ศศิภา ให้ความร่วมมือกับตำรวจในฐานะพยาน เพื่อเห็นแก่ลูกน้อยทั้งสอง แต่น.ส.ศศิภาก็ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ในขณะนี้เด็กชายทั้ง 2 คนได้อยู่ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ตแล้ว
สำหรับของกลางที่ยึดมาได้เป็นจำนวนมากนั้น ทางชุดสืบสวนได้เรียกผู้เสียหายที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ในพื้นที่ฉลอง โดยคนร้ายใช้แผนประทุษกรรมต่อทรัพย์แบบเดียวกัน ซึ่งเน้นลักทรัพย์ชนิดตู้เซฟเพื่อหวังทรัพย์สินภายใน ซึ่งเป็นบ้านพักของชาวต่างชาติและมีฐานะมาดูของกลาง ขณะนี้ทำให้มีผู้เสียหายมายืนยันและชี้ของกลางว่าเป็นของกลางที่ถูกคนร้ายลักไปแล้วจริง จำนวน 3 ราย รวมเยเลน่าผู้บาดเจ็บเป็น 4 ราย สำหรับผู้เสียหายรายอื่นสามารถแจ้งความเพิ่มเติมหรือขอดูของกลางได้ที่ สภ.ฉลอง
“จากการสอบปากคำผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมหลังได้รับการรักษา ซึ่งได้ให้การแน่ชัดว่าผู้ต้องหารายนี้คือคนร้ายที่ก่อเหตุ แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ และไม่รู้เห็นเกี่ยวกับปืนกระบอกที่ก่อเหตุ ทางตำรวจเองก็ยังไม่พบปืนกระบอกดังกล่าว แต่เรามั่นใจว่าจากพยานหลักฐานที่มีสามารถมัดตัวผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน จากโน้ตบุคที่ยืนยันความผิดได้ชัดเจน รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ อย่างไม่มีข้อกังขา”
“ประกอบกับผู้ต้องหารายนี้ได้เข้ามาอยู่ประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่ยังมีทรัพย์สินมีค่ามากมาย ตามที่ปรากฏ ตามที่ยึดมาได้ ชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นคนร้ายโดยสันดานอาชีพ กระทำความผิด สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง” พล.ต.ต. ธีระพล กล่าว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ประชุม ยืนยันว่าผู้ต้องหาในคดีนี้มีเพียงรายเดียว เนื่องจากการสื่อสารที่อาจจะยังไม่ชัดเจนในตอนแรก เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถสอบปากคำผู้บาดเจ็บโดยละเอียด
“วันที่เกิดเหตุผู้บาดเจ็บไม่สามารถให้การได้มากนัก และเราได้พูดคุยกับทางสามีของเธอจนได้รับทราบข้อมูลว่า อาจจะมีคนร้าย 2 คน ซึ่งนั่นก็มีความเป็นไปได้ว่าการสื่อสารระหว่างภรรยาที่เล่าให้สามีฟังในตอนแรกอาจจะคลาดเคลื่อนเนื่องจากได้ยินเสียงทุบกระจกห้องน้ำจากภายนอก จึงคล้ายกับมีคนร้าย 2 คน อย่างไรก็ตามหลังจากการสอบปากคำเพิ่มเติมและหลักฐานจากกล้อง CCTV ที่เรามีนั้นก็ชี้ชัดว่าผู้ร้ายมีเพียงรายเดียว กอปรกับเยเลน่าเองก็ได้ยืนยันว่ามีคนร้ายเพียงรายเดียวและระบุว่าเป็นนายเจมส์” พ.ต.อ.ประชุม กล่าว
ส่วนประเด็นฆาตรกรรมนักธุรกิจชาวรัสเซีย ปี 57 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าผู้บาดเจ็บเป็นเเม่ยายของนักธุรกิจชาวรัสเซีย ที่ถูกเพื่อนร่วมชาติอุ้มฆ่าพบเป็นศพที่ซอยโคกโตนด3 วันที่ 29 มี.ค. 57 (อ่านเพิ่มเติม คลิก) นั้น ทาง ผกก.สภ.ฉลองขอสรุปคดีลักทรัพย์ให้แล้วเสร็จก่อน ส่วนคดีที่อาจเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอเวลาสืบสวนสอบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต. แจ้งว่า จากคดีจับกุมตีนแมวต่อเนื่องที่ถูกจับในพื้นที่ถลางนั้น (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ผู้เสียหายสามารถแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมและตรวจสอบของกลางได้ที่ สภ.ถลาง เนื่องจากขณะนี้มีผู้เสียหายมายืนยันและชี้ของกลางเพียงไม่ถึงครึ่ง
ก่อนจะมีการแถลงข่าวนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ พร้อมคณะได้นำช่อดอกไม้มามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงความขอบคุณที่สามารถจับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ในเร็ววัน รวมทั้งผู้บาดเจ็บเองก็ได้ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทางอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวอีกด้วย
