นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า "โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในหญิงไทยรองจากมะเร็งเต้านม แต่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน HPV โดยเฉพาะหากฉีดตั้งแต่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์จะมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 93-95 ส่งผลให้ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกใน 10 - 20 ปีข้างหน้าได้"
นพ. กู้ศักดิ์ เผยว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีนโยบายการฉีดวัคชีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกจำนวน 1 ล้านโดสภายใน 100 วันในกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุระหว่าง 11 - 20 ปี ทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษา นอกจากนี้ จะมีการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในระยะแรกสำหรับหญิงอายุ 30 - 60 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายมะเร็งครบวงจร ภายใต้กรอบแนวคิด "รู้เท่าทัน ป้องกันได้ ตรวจพบรักษาไวปลอดภัยจากมะเร็ง" และสอดคล้องกับสโลแกน "สวย เริด เชิด สู้มะเร็ง" หรือ Woman Power No Cancer
โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการประกาศความร่วมมือในการสนับสนุนนโยบาย Quick win 100 วัน "มะเร็งครบวงจร" ของจังหวัดภูเก็ต และคาดหวังว่าจะมีส่วนช่วยทำให้แนวโน้มการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในหญิงวัยเจริญพันธุ์ของจังหวัดภูเก็ตในอนาคตลดลงอีกด้วย
ดร.กุสุมา สว่างพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า "โรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประทศไทย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โรคมะเร็งปากมดลูกพบเป็นอันดับ 2 ในผู้หญิงไทยที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 6,500 รายต่อปี เสียชีวิต 2,000 รายต่อปี
สำหรับจังหวัดภูเก็ต ในช่วงปี 2561 -2565 พบผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก เฉลี่ยปีละ 11 ราย สาเหตุเกิดจากเชื้อไวร้ส Human Papilloma Virus หรือไวรัส HPV ผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือการมีเพศมพันธ์ โดยสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน HPV ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้ที่ยังไม่พบการติดเชื้อมาก่อน อยู่ระหว่างร้อยละ 93-95
โดยการฉีดวัคชีน HPV ในผู้หญิงอายุระหว่าง 11-20 ปีจังหวัดภูเก็ตจึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ Kickoff "save our school children by 1 million HPV vaccine" ขึ้น ณ โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญาในพระอุปถัมภ์ โดยความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งกิจกรรมวันนี้ ประกอบด้วย 1. การให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูกแก่นักเรียน 2. การประกวดท่าประกอบสโลแกน "สวย เริด เชิด สู้มะเร็ง" 3. การให้บริการฉีดวัคซีน HPV แก่กลุ่มเป้าหมายนักเรียนหญิง จำนวน 200 คนซึ่งจะมีการถ่ายทอดบรรยากาศกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศ