"ฉันกับแม่" ระยะห่างจากความคาดหวังและวันที่เราใกล้ชิดกันกว่าที่เคย

บทความ - แม่ของฉันเลี้ยงดูฉันโดยลำพัง หลังจากหย่าร้างกับพ่อเมื่อฉันอายุ 10 ขวบ ชีวิตของเราในช่วงนั้นไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก เพราะพ่อขนข้าวของทุกอย่างออกไปเกือบหมดทั้งบ้าน

ข่าวภูเก็ต

วันอาทิตย์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561, เวลา 15:00 น.

แม่ของฉันพยายามเติมเต็มช่องว่างนั้นด้วยการผ่อนโทรทัศน์และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อไม่ให้ฉันไม่รู้สึกขาด และก็ยังไม่ลืมเรื่องวิชาการ เพราะแม่ของฉันพาฉันตระเวนสมัครเรียนพิเศษตามที่ต่างๆ เพื่อให้ฉันมีความรู้ไม่ด้อยไปกว่าเด็กคนอื่น หลังกลับจากเรียนพิเศษฉันก็ต้องอ่านหนังสือ ในขณะที่แม่ทำกิจกรรมส่วนตัวจนเข้านอน แต่ความคาดหวังของแม่ในการเรียนดีนั้น มันทำให้ฉันกดดันและทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแม่กับฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

กระทั่งฉันเติบโตขึ้นมาเป็นสาว ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่คนละภาคกับบ้านเกิดของฉัน ซึ่งก็ทำให้ฉันย้ายออกจากบ้านมาอยู่หอพักในมหาวิทยาลัย และนั่นทำให้ช่องว่างระหว่างแม่กับฉันยิ่งห่างกันมากกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน ฉันมองเห็นความแตกต่างของความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแม่ เทียบกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่มีต่อแม่ของเขา เพื่อนๆ บางคนโทรหาแม่ทุกเช้าและเย็น แม้ว่าบ้านจะอยู่ห่างมหาวิทยาลัยประมาณ 30 กม. แต่ฉันโทรหาแม่เพียงสัปดาห์ละครั้ง โดยส่วนมากจะเป็นถามว่า “โอนเงินแล้วหรือยัง” ซึ่งแม่เองไม่เคยบ่นเรื่องเงินทองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่บ้านเราจะไม่ได้เป็นบ้านที่มีฐานะ

จนฉันเรียนจบและเข้าสู่วัยแห่งการทำงาน โลกของฉันกว้างขึ้น พบเจอผู้คนมากมายหลายแบบ โดยเฉพาะสาวๆ ที่พยายามหาผู้ชายฐานะดีเพื่อเป็นทางลัดไปสู่ชีวิตอันสุขสบาย นั่นทำให้ฉันรับรู้ว่าแม่ของฉันเข้มแข็งขนาดไหนในการเลี้ยงดูฉันเพียงลำพัง โดยที่ไม่แต่งงานใหม่ ไม่คบหาใครเพื่อมาช่วยเป็นคู่คิดหรือคู่ชีวิตเลย นับตั้งแต่แม่หย่าร้างกับพ่อมาเกือบ 20 ปี

แม่ของฉันเป็นเพียงข้าราชการธรรมดา ที่ยังต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งเสียค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษของฉัน แม่กู้เงินก้อนใหญ่เพื่อเป็นทุนให้ฉันเข้าโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน และโครงการ Work and Travel ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แม่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ฉันได้มีอนาคตที่ดี เพื่อการหาเลี้ยงชีพอย่างเต็มที่

ฉันยึดหลักความเข้มแข็งของแม่เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะนัดกินข้าวกับใคร ฉันจะขอจ่ายคนละครึ่งเสมอเพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบใคร และไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร ฉันทำงานหาเงินอย่างสุจริตด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉัน ซื้อสิ่งของต่างๆ ที่ฉันอยากได้ด้วยเงินของฉัน

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันล้มป่วยด้วยโรคหนึ่งในขณะที่ฉันเองทำงานที่เกาะภูเก็ตแห่งนี้ และแม่ก็ยังคงทำงานสอนที่จังหวัดบ้านเกิดซึ่งห่างออกไปกว่าพันกิโลเมตร แม้ว่าโรค
ที่ฉันเป็นจะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพกายโดยตรง แต่มันก็ทำให้ฉันได้ติดต่อพูดคุยกับแม่มากขึ้น แม่แสดงออกว่าแม่เป็นห่วงฉันมากขึ้นด้วยการส่งข้อความและสติ๊กเกอร์ต่างๆ ตามความเจริญของเทคโนโลยีที่พวกเราได้ข้ามผ่านมา ฉันกับแม่จึงสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ซึ่งกันและกันเพื่อคลายเหงาในแต่ละวัน

ทุกเช้าแม่จะส่งสติ๊กเกอร์มาทักทายอรุณสวัสดิ์ และทักทายมาบ้างระหว่างวันซึ่งฉันไม่ค่อยมีเวลาตอบนัก แต่จะตอบกลับและคุยโต้ตอบกันเป็นเวลาประมาณหนึ่งในช่วงค่ำ ก่อนที่แม่จะส่งสติ๊กเกอร์มาบอกว่าง่วงนอนอย่างดื้อๆ และหายไปเพราะว่าแม่หลับไป ฉันดีใจที่เทคโนโลยีและสิ่งต่างๆ ทำให้ฉันกับแม่สนิทกันมากขึ้น เปิดกว้างในการสื่อสารและแบ่งปันกันมากขึ้น ลดช่องว่างลง และมีความสัมพันธ์แม่ลูกเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ที่ฉันเคยพบเจอเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

ฉันพยายามเก็บหอมรอมริบพาแม่เที่ยวต่างประเทศ เพื่อเป็นการเริ่มต้นตอบแทนในสิ่งที่แม่เคยมอบให้ฉันมาทั้งชีวิต มันอาจจะไม่ใช่ประเทศหรูหราในโซนยุโรป แต่ก็นับว่าเป็นทริปที่ฉันภูมิใจในตัวเองมากๆ ที่ได้พาแม่เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่