สธ.แนะข้อปฏิบัติหลัง WHO ประกาศอีโบลาสถานการณ์ฉุกเฉินระหว่างประเทศ

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในต่างประเทศ เตรียมพร้อมทั้งการเฝ้าระวัง และป้องกันโรค เน้นดำเนิน 3 มาตรการหลักอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ภายหลังจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ หลังพบการระบาดในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม 2562, เวลา 10:25 น.

ภาพ องค์การอนามัยโลก

ภาพ องค์การอนามัยโลก

วานนี้ (18 ก.ค.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ทางผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก และองค์การสหประชาชาติ ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือในการป้องกันและควบคุมโรค แต่การระบาดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนพบการระบาดในพื้นที่ใหม่ จึงออกประกาศดังกล่าว เพื่อระดมความช่วยเหลือจากนานาประเทศ

ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศกำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตรายที่จะต้องเฝ้าระวังและดำเนินการอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้ติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีรายงานผู้ป่วยในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 และได้เตรียมพร้อมทั้งการเฝ้าระวังและป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทย ไม่มีรายงานผู้ป่วย โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาแต่อย่างใด

มาตรการหลัก กระทรวงสาธารณสุข

1.ติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าจากองค์การอนามัยโลก เฝ้าระวังผู้ป่วยโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ทั้งในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ในโรงพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชน และในชุมชน คัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคทั้งที่ด่านควบคุมโรคที่สนามบิน ด่านทางน้ำและด่านพรมแดนทางบก

2.เตรียมความพร้อมในการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งไทยได้รับความร่วมมือจากสหรัฐฯ ในการตรวจวิเคราะห์เชื้อไวรัสชนิดนี้

3.มาตรการดูแลรักษา หากมีผู้ป่วยที่มีอาการในข่ายสงสัย โดยใช้มาตรฐานเดียวกับการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อที่มีอันตราย เช่น ไข้หวัดนก โรคซาร์ส ซึ่งโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศมีความพร้อมอยู่แล้ว

นอกจากนี้การเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตรายในระดับพื้นที่ ทางกรมควบคุมโรค จะมีการให้ข้อมูลข่าวสารกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ ตลอดจนสื่อสารไปยังอาสาสมัครสาธารณสุข กรณีพบความผิดปกติ เช่น พบเห็นผู้ที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค แล้วมีอาการไม่สบาย เป็นไข้ให้รีบแจ้งมาที่กรมควบคุมโรค หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า องค์การอนามัยโลก ยังไม่มีประกาศห้ามการเดินทางหรือการค้าระหว่างประเทศไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ ซึ่ง WHO ประเมินว่านักเดินทางระหว่างประเทศยังมีความเสี่ยงในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มีการติดเชื้อโดยตรงจากการสัมผัสกับของเหลวในร่างกาย หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาล จากการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ (เข็มและหลอดฉีดยา) ที่ปนเปื้อนเชื้อ รวมถึงไม่มีการป้องกันเมื่อมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อ

คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา

1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่า ทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย
2.หลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จำพวกลิง หรือค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่าหรือสัตว์แปลก ๆ มาประกอบอาหาร
3.การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น เลือดจากผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่อาจปนเปื้อนกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือศพ
4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย หากมีความจำเป็นให้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายและล้างมือบ่อย ๆ
5.หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย ภายหลังกลับจากประเทศที่มีการระบาด ให้รีบพบแพทย์ทันที

ข้อมูล : กองโรคติดต่อทั่วไป/ สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่