กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ ทช.โดยศูนย์วิจัยฯ ร่วมกับทีมแพทย์รพ.วชิระภูเก็ต ได้นำตัวยามีลไปรักษาที่รพ.วิชระภูเก็ต เพื่อผ่าตัดโดยใช้กล้อง Endoscope นำก้อนหญ้าทะเลที่อัดแน่นในบริเวณกระเพาะอาหารออก
ต่อมาในเวลา 20.30 น. ผลการทำ CT Scan พบการอักเสบของปอด มีกลุ่มก้อนหญ้าทะเลในบริเวณกระเพาะ จึงสอดท่อกล้องตรวจภายในและฉีดน้ำสลายการเกาะแน่นของหญ้าทะเล จากนั้นจึงเริ่มดูดออกได้ 30% ทั้งนี้จะทยอยล้างออกเพิ่มในวันต่อไป จากนั้นจึงขนย้ายกลับมาพักฟื้นยังบ่ออนุบาลของศูนย์วิจัยฯ
ซึ่งในขณะนั้นยามีลมีอัตราการเต้นหัวใจที่ต่ำ ทางแพทย์ยังต้องเฝ้าระวังสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดโดยการอัดแน่นของหญ้าทะเล เกิดจากสภาวะลำไส้หยุดทำงาน ซึ่งพบได้ในเด็ก (คน) เป็นอาการที่ลำไส้ไม่มีการเคลื่อนตัว ทำให้อาหารในระบบทางเดินอาหารไม่เคลื่อนที่ เป็นสาเหตุให้เกิดการสะสมและเกิดการสร้างแก๊สขึ้นในระบบทางเดินอาหาร โดยแก๊สที่เกิดขึ้นทำให้ผนังลำไส้บางลง เกิดการแตกของเส้นเลือดฝอยและเกิดภาวะการติดเชื้อตามมา นอกจากนี้แก๊สที่เกิดขึ้นยังส่งผลกระทบไปดันบริเวณปอดทำให้เกิดการหายใจติดขัดด้วย ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลา 21.43 น. และนำความโศกเศร้ามายังทีมผู้รักษาและคนที่เฝ้าติดตามอาการของยามีลตลอดมา
สำหรับ “น้องยามีล” ลูกพะยูนเพศผู้ อายุ 3 เดือน เป็นลูกพะยูน พลัดหลงกับแม่และถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นที่จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.62 ที่ผ่านมา ต่อมา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาพระราชทานชื่อให้และทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์ ภายใต้การดูแลของสัตว์แพทย์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งในช่วงเช้าขอวันที่ 8 ก.ค. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเยี่ยมและติดตามอาการน้องยามีลในโอกาสเดินทางลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดภูเก็ต (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
ทั้งนี้ ภายหลังจากการตายของยามีล ทช.ก็ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างที่สุด พร้อมทั้งขออภัยพี่น้องชาวไทย ที่ไม่สามารถช่วยอนุบาลลูกพะยูนทั้งสองตัว ให้มีโอกาสรอดกลับคืนสู่ธรรมชาติได้อย่างที่ตั้งใจไว้
อย่างไรก็ตาม ยามีลเป็นหนึ่งในลูกพะยูนเน็ตไอดอล ขวัญใจชาวไทยที่ได้จบชีวิตลงในสัปดาห์นี้ ภายหลังจาก “มาเรียม” ลูกพะยูนเพศเมีย อายุประมาณ 6 เดือน ที่ได้จากโลกนี้ไปด้วยสาเหตุที่ทำมนุษย์อย่างเราต้องหันมาตระหนัก ถึงผลจากการปล่อยให้ขยะจากมือเราลงสู่ท้องทะเล (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่จังหวัดกระบี่ ยังพบพะยูนเพศผู้ขนาดใหญ่น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม เสียชีวิตที่บริเวณอ่าวไร่เลย์ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ในสภาพซากสดสมบูรณ์ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
ทางด้านอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เปิดเผยว่า ในปัจจุบันพบว่ามีพะยูนตายถึง 15 ตัว สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ไม่เกิน 12 ตัวต่อปี และยังพบว่ามีการเกยตื้นของพะยูนบ่อยมากขึ้น โดยอย่างน้อย 5 ตัวล่าสุดยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แท้จริง (อ่านเพิ่มเติม คลิก)