Imperial College London และองค์การอนามัยโลกได้ทำการวิเคราะห์อายุขัยเฉลี่ยของผู้คนในจำนวนประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 35 ประเทศ และทำนายว่าในอีก 13 ปีข้างหน้า หรือในปี 2030 ผู้คนจะมีอายุขัยที่ยืนยาวมากขึ้น ในขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ช่องว่างของความแตกต่างของอายุขัยชาย และหญิงนั้นจะมีขนาดเล็กลง
ทีมนักวิจัยกล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งนี้จะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับรัฐบาลในอนาคตที่จะจัดการกับเงินบำนาญ และเบื้ยดูแลผู้สูงอายุ โดยเกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่ผู้คนมีอายุขัยยืนยาวที่สุด อันเนื่องมาจากหลายๆปัจจัยในประเทศนี้ เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, การศึกษา ไปจนถึงผู้คน
"ชาวเกาหลีใต้ไม่ค่อยป่วยเป็นความดันโลหิตสูง และพวกเขาก็มีสัดส่วนของผู้ป่วยด้วยโรคอ้วนต่ำที่สุดในโลก" ศาสตราจารย์ Majid Ezzati กล่าว
และจากข้อมูลยังระบุว่า ประเทศญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุจำนวนมากนี้ อัตราดังกล่าวจะลดลงจนกลับมาสู่ระดับปกติ เท่ากับประเทศอื่นๆ
ทางทีมนักวิจัยได้คำนวณอายุขัย และทำนายว่าเด็กหญิงชาวเกาหลีใต้ที่เกิดในปี 2030 จะมีอายุยืนยาวถึง 90.8 ปี ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของเด็กผู้ชายจะอยู่ที่ 84.1 ปี นอกจากนั้นพวกเขายังคาดการณ์ว่า ในบรรดาผู้สูงอายุที่มีอายุราว 65 ปี ในปี 2030 ข้างหน้านี้ พวกเขาก็จะมีอายุยืนยาวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีกถึง 27.5 ปีอีกด้วย
ด้านทวีปยุโรปเอง ผู้หญิงชาวฝรั่งเศส และผู้ชายสวิสเซอร์แลนด์คือผู้คนที่คาดกันว่าจะมีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวที่สุดในทวีป โดยในปี 2030 อายุขัยเฉลี่ยของหญิงฝรั่งเศสจะอยู่ที่ 88.6 ปี ส่วนผู้ชายชาวสวิสเซอร์แลนด์จะอยู่ที่ราว 84 ปี
ส่วนสหรัฐอเมริกาค่าเฉลี่ยของอายุขัยชายชาวอเมริกันจะอยู่ที่ 79.5 ปี ส่วนหญิงอเมริกันจะอยู่ที่ 83.3 ปี ตัวเลขนี้เทียบเท่ากับประเทศที่มีรายได้ปานกลางอย่างโครเอเชีย และเม็กซิโก แม้ว่าสหรัฐจะเป็นประเทศหลักทางอุตสาหกรรมก็ตาม โดยทีมวิจัยระบุว่าสาเหตุที่อายุขัยของชาวอเมริกันไม่ยืนยาวเท่าประเทศอื่นนัก อาจเกิดจากการขาดแคลนระบบดูแลสุขภาพที่ดี อัตราการเสียชีวิตของมารดาขณะคลอดบุตร ไปจนถึงอาชญากรรม และโรคอ้วนเป็นต้น
ในปี 2015 กลุ่มประเทศที่มีค่าเฉลี่ยอายุขัยน้อยที่สุด คืออยู่ที่อายุ 50 - 55 ปี สำหรับชายและหญิง คือกลุ่มประเทศที่อยู่ในภูมิภาคแอฟริกาใต้สะฮะราเช่น กาบอง, แคเมอรูน หรือชาดเป็นต้น ซึ่งหากไม่นับปัจจัยอย่างสงคราม หรือการขาดแคลนอาหารแล้ว อายุขัยเฉลี่ยของผู้คนในหลายประเทศที่ร่ำรวยนั้นเพิ่มขึ้นมากนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา จาก 50 ปี เป็น 80 ปี ในปัจจุบัน