แท็กซี่ภูเก็ตทิ้งพวงมาลัยจับไซพายเรือหาปูเลี้ยงครอบครัว เชื่อทุกปัญหามีทางออก อย่านั่งรอคอยความหวัง

ภูเก็ต - ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีกลุ่มคนขับแท็กซี่ในจังหวัดภูเก็ต รวมตัวกันลงทุนซื้อไซมาหาปู เพื่อเลี้ยงครอบครัว เป็นที่ชื่นชมและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ทุกคนที่ประสบปัญหาโควิด-19 โดยทุกวันกลุ่มแท็กซี่ดังกล่าวจะออกดักปูที่คลองท่าจีน ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 21 เมษายน 2563, เวลา 19:10 น.

ผู้สื่อข่าวจึงออกตรวจสอบความจริง พบว่าที่บริเวณคลองท่าจีนพบกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 4 คน กำลังนั่งเอาอาหารซึ่งเป็นซี่โครงใส่ในไซดักปู เพื่อพายเรือออกไปหาปูในป่าโกงกาง สอบถามทั้งหมดทราบว่าก่อนหน้านี้มีอาชีพขับรถแท็กซี่ แต่ช่วงโควิด-19 บริษัทปิด จึงได้รวมตัวกันออกหาปูเพื่อเลี้ยงครอบครัว

นายธนาธรณ์ เทพแก้ว อายุ 38 ปี 1 ใน 4 แท็กซี่ที่ประสบปัญหาโควิด-19 กล่าวว่า เดิมตนเป็นชาวจังหวัดตรัง มาอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ส่วนบุคคลของบริษัทแห่งหนึ่ง รับ-ส่งนัก ท่องเที่ยวทั่วจังหวัดภูเก็ต เมื่อจังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาเชื้อโรคโควิด 19 ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยว ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตประกาศล็อกดาวน์จังหวัด เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้ บริษัทที่ตนทำงานขับรถแท็กซี่รับจ้างก็ประกาศปิดบริษัท ทำให้ตนและเพื่อนร่วมอาชีพอีกหลายคนต้องตกงาน และแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา เพื่อนบางคนก็ยังคงใช้ใช้วิตอยู่ในจังหวัดภูเก็ต แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างอยากลำบาก เนื่องจากบ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ มีภาระหลากหลายที่ต้องดูแล

นายธนาธรณ์ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ตนขับแท็กซี่มีรายได้ราว ๆ เดือนละ 20,000 บาท ทำให้เพียงพอต่อการเลี้ยงครอบครัว ลูก และภรรยา แต่ขณะนี้ถูกเลิกจ้างมา 2 เดือนเศษ ทำให้รายได้ที่เคยได้กลับหายไป แต่รายจ่ายยังคงเดิม ทั้งผ่อนรถจักรยานยนต์ ผ่อนรถยนต์ ส่งให้แม่ในการดูแลลูกที่อยู่ จ.ตรัง ตนมีความเครียดตลอดเวลา จึงได้นั่งคิดนอนคิดว่าจะต้องทำอาชีพอะไร เพื่อให้อยู่รอดผ่านพ้นช่วงโควิด-19 ไปให้ได้ ตนคิดว่าทุกคนประสบปัญหาเหมือนกัน ไม่ใช่ประสบปัญหาแค่ตนเพียงคนเดียว ทุกคนรอดตนเองก็ต้องรอด เราอ่อนแอเพื่อแบมือขอแต่ความช่วยเหลือไม่ได้ เพราะการอ่อนแอของเรานั้นทำให้คนในครอบครัวอ่อนแอลงไปด้วย จึงได้พูดคุยกับเพื่อนอาชีพเดียวกันทางไลน์ว่า ที่ตนพักอยู่ใกล้ทะเล เราน่าจะซื้อไซมาดักปูเพื่อประทังชีวิต และหากได้ปูมากก็จะนำไปขายเพื่อนำเงินจุนเจือครอบครัว แม้นไม่ค่อยมีความถนัดแต่เราต้องทำให้ได้ เพื่อน 4 คนเห็นด้วย ก็มีการลงทุนซื้อไซปู มาคนละ 10 ลูกลูกละ 60 บาท รวม 600 บาท ส่วนเหยื่อปูที่นำไปดักเป็นซี่โครงไก่ซื้อมาวันละ 3 โครง รวมวันละ 45 บาท ก็มีการสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปวางในทะเล โดยแต่ละวันทุกคนจะหมุนเวียนกันซื้อ บางวันได้ปูบ้าง บางวันก็ไม่ได้ หากได้มากก็จะนำไปขายกิโลกรัมละ 300 บาท หากวันไหนได้น้อยก็จะนำมาปรุงอาหารให้ครอบครัว และแบ่งปันให้เพื่อน ๆ บ้านที่อยู่ติดกัน ไปแบ่งกันรับประทาน

เขากล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนตัวเข้าใจดีว่าทุกคนเดือดร้อน อยากให้ทุกคนผ่านพ้นโควิด-19 ไปด้วยกัน ไม่อยากให้ทุกคนนั่งรอคอยความหวัง รอคอยการช่วยเหลือจากเทวดา รอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาล อยากให้ทุกคนช่วยเหลือตัวเองไปก่อน ทำอย่างไรก็ได้ให้ครอบครัวมีกิน ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ต้องทำ ตนเชื่อว่า ทุกปัญหามีทางออก ทุกทางออกคือความอยู่รอด ทุกคนไม่ต้องเอาตนเป็นแบบอย่างในการต่อสู้ชีวิต แต่ให้ทุกคนลุกขึ้นสู้แบบดวงตะวัน เพราะแม้นจะตกกี่ครั้งแต่ก็ยังลุกขึ้นสู้

“ในส่วนของการลงทะเบียนตามโครงการเราไม่ทิ้งกัน ของรัฐบาลนั้น ตนได้เงินการเยียวยา 5,000 บาท จากรัฐบาลแล้ว ซึ่งเพื่อนอาชีพเดียวกัน 4 คน ที่หาปูด้วยกัน ได้รับจำนวน 3 คน ส่วนอีก 1 คน ทางโครงการแจ้งว่าไม่มีสิทธิเพราะเป็นเกษตรกร เงินในส่วนนี้ก็นำมาซื้ออาหารเก็บไว้ และไว้ใช้ในยามจำเป็น และหวังว่าหากประเทศไทย หากจังหวัดภูเก็ต ผ่านพ้นโควิด-19 ไป ได้แล้ว อยากให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทย กลับมาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเหมือนเดิม โดยเฉพาะชายหาดขณะนี้งดงามกว่าเดิมมาก ธรรมชาติได้คืนความสวยงามให้กลับมา อยากให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวภูเก็ตเหมือนเช่นเดิม ตนก็และทุกคนก็จะได้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเช่นเดิม” นายธนาธรณ์ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่