แพทย์เตือนผู้ป่วยเบาหวาน หากพบอาการบ่งชี้ควรรีบพบแพทย์ทันที

สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ เตือนผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายเรื้อรัง ตาบอด และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหันมาใส่ใจดูแลตนเอง ชี้หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที

ข่าวภูเก็ต

วันอังคาร ที่ 5 มีนาคม 2562, เวลา 16:49 น.

ภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมน์อินซูลิน หรือการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนอินซูลิน หรือร่วมกันทั้ง 2 อย่าง ส่งผลให้ร่างกาย ไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมาจากอาหารเป็นพลังงาน จนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 126 มก./ดล. อีกทั้งหากป่วยเป็นโรคเบาหวานในระยะเวลานานๆ จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าปกติ เพราะโรคเบาหวานจะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง หลอดเลือดแดงตีบหรืออุดตันในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่พบบ่อย คือ หัวใจ สมอง ไต ตา เท้า ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายเรื้อรัง ตาบอด และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันอันตรายถึงชีวิตได้

ความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานเกิดได้จาก หลายปัจจัยได้แก่
1. กรรมพันธุ์
2. ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนลงพุง
3. มีพฤติกรรมการบริโภคไม่เหมาะสม
4. ขาดการออกกำลังกาย
5.อายุมากขึ้น
6. สตรีที่มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์
7.พบผิวหนังสีคล้ำดำเหมือนกำมะหยี่บริเวณลำคอหรือรักแร้

ดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหันมาใส่ใจดูแลตนเอง หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

แพทย์หญิงวิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือ เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ตามัว มือเท้า ชา บวม ปัสสาวะบ่อย นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ไขมันสูง สูบบุหรี่ ควรตรวจเช็คโรคเบาหวานเช่นกัน เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมกันที่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ

ดังนั้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหันมาใส่ใจดูแลตนเอง โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงของหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด รวมทั้งระวังไม่ให้เกิดภาวะติดเชื้อ รับประทานยาหรือฉีดยาตามคำแนะนำของแพทย์ และหมั่นตรวจสุขภาพ ตา ไต หัวใจ เท้า และสมอง อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่จะเกิดในอนาคตต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่