โลกร้อน ไฟป่าอเมซอน ขยะพลาสติก

ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าโลกของเรากำลังเผชิญปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแสนสาหัส ซึ่งถือว่ามีความเสียหายใหม่ ๆ ที่ได้เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงบนโลกที่เราอาศัยอยู่ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นความหนาวเหน็บแบบสุดขั้วในรอบ 20 ปี ที่พาดผ่านสหรัฐอเมริกัน หรือคลื่นความร้อนที่เล่นงานหลายประเทศในแถบยุโรป จนต้องออกมาเล่นน้ำพุกลางสวนสาธารณะดับร้อน หรือประเทศจีนที่ต้องประสบกับสภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นวงกว้าง และยังมีภัยพิบัติที่ได้สร้างความเสียหายในอีกหลายประเทศ

ข่าวภูเก็ต

วันเสาร์ ที่ 31 สิงหาคม 2562, เวลา 12:00 น.

แต่ภัยพิบัติที่ดูจะรุนแรงอย่างที่สุดก็น่าจะเป็น กรณีไฟป่าอเมซอน ป่าดิบชื้นที่ถือว่าเป็น “ปอดของโลกใบนี้” เพราะสถานการณ์ไฟไหม้ยังคงดำเนินต่อไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะมอดดับลงไปในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งล่าสุดไฟป่าครั้งรุนแรงในรอบหลายสิบปีนี้ ได้ทำลายพื้นที่ไปแล้วหลายล้านตารางกิโลเมตร ทำให้แฮชแท็ก #PrayforAmazonia ติดอันดับยอดนิยมในโซเชียลมีเดีย กอปรกับภาพถ่ายทางดาวเทียมขององค์การนาซาที่เผยให้เห็นกลุ่มควันไฟกลุ่มใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ พัดผ่านท้องฟ้าเมืองเซาเปาโลซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 2,700 กิโลเมตร ทำให้เมืองมืดมิดไปทันใดทั้งที่เป็นช่วงเวลากลางวัน ซ้ำร้ายองค์การนาซายังได้ทำการเปิดเผยภาพไฟป่าในแอฟริกา ซึ่งมีรายงานว่ามีขนาดใหญ่กว่าป่าอเมซอนถึง 5 เท่า

ในขณะที่โลกของเรากำลังเผชิญชะตากรรมอันแสนโหดร้าย ทะเลไทยของเราก็ดูจะบอบช้ำอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีสัตว์ทะเลเสียชีวิตผิดธรรมชาติเป็นจำนวนมาก รวมถึงลูกพะยูนและโลมาน้อยเน็ตไอดอลขวัญใจชาวไทย ซึ่งสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่าการสูญเสียสัตว์ทะเลเหล่านั้นก็คือ สาเหตุแห่งการตายที่มาจาก “ขยะพลาสติก”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมากับการทำงานในวงการสื่อของจังหวัดภูเก็ต ปี 2562 คือปีที่ได้พบเห็นการตายของสัตว์ทะเลเป็นจำนวนมากที่สุด เท่าที่จำได้ในหัว ณ ขณะนี้ พะยูนหลายตัวทยอยกันตายลงไปโดยไม่ทราบสาเหตุ รวมไปถึงโลมาเกยตื้น และเต่าที่ต้องจบชีวิตลงบนชายหาดในสภาพที่ร่างกายถูกพันธนาการไปด้วยเศษอวนจากน้ำมือของมนุษย์

มันช่างเป็นภาพที่เจ็บปวด และตอกย้ำถึงความโหดร้ายของเผ่าพันธุ์เราเป็นอย่างยิ่งมนุษย์เราใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือยมาหลายช่วงอายุคน และผู้คนมากมายก็ร่ำรวยจากการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทรัพยากรเพื่อเลี้ยงชีพหรือหารายได้ เราไม่เคยตอบแทน หรือทะนุถนอมทรัพยกรธรรมชาติเหล่านั้นเลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้ฉุกคิดได้ว่ามันคงถึงเวลาแล้ว ที่ธรรมชาติจะเรียกร้องความเป็นธรรมกลับคืนบ้าง หลังจากที่ทำหน้าที่ผู้ให้มาโดยตลอด

ตอนนี้ขึ้นอยู่กับมนุษย์เราแล้วว่าพวกเราจะตั้งหน้าตั้งตาตักตวงเอาประโยชน์จากธรรมชาติแบบหน้ามืดตามัวเหมือนที่เคยหรือจะหันมาคิดใหม่ทำใหม่ ใส่ใจ และให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น เพราะหากวันใดที่เราไม่มีอากาศบริสุทธิ์เหลืออยู่หรือน้ำสะอาดไว้ดื่มแล้วล่ะก็ แม้จะมีเงินมากแค่ไหนเราก็คงมีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่นาน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่